เห็นสัญญาณบวกในเรื่อง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติชัดเจนขึ้น เริ่มจาก ค่าเงิน USD พิจารณาผ่าน Dollar Index อ่อนค่าลง และมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ หลังจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกมากขึ้น ขณะที่การปรับ ขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เหลือช่องว่างอีกไม่มาก ส่วนเงินบาทก็ได้รับประโยชน์ในเชิง เปรียบเทียบกับ USD โดยแข็งค่าขึ้น อีกเหตุผลที่สนับสนุน Fund Flow ไหลเข้าอีก ส่วนหนึ่งก็คือภาพใหญ่ในทางเศรษฐกิจไทย ที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว สวนทางหลาย ประเทศที่มีความเสี่ยงต่อ Recession ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนใน บ้านเรา ก็ถูกปรับประมาณการขึ้น ด้วยองค์ประกอบดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะทำให้ Fund Flow น่าจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้ต่อ ส่วน Investment Theme ช่วงนี้ ยังเน้นไปที่ Domestic Consumption ที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว
ตลาดุห้นไทยมีโอกาสที่จะได้รับแรงหนุนจาก Fund Flow ทำให้มีโอกาสที่ SET Index จะยืนเหนือ 1600 จุดได้ต่อ วันนี้ประเมินกรอบ 1590 – 1613 จุด สำหรับ หุ้น Top Pick วันนี้ เลือก CRC, LH และ SCGP
RECESSION ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีสัญญาณหลีกเลี่ยงได้ยาก หนุน FLOW ไหลเข้าตลาดหุ้นในกลุ่มเศรษฐกิจฟื้น
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตัวในแดนบวกราว 1.1% ถึง 2.8% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นติดต่อกัน กว่า 3 วันทำการ ขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปผันผวนในกรอบแคบราว 0.0% ถึง 1.9% โดย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสหรัฐมีการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวจาก 107.8 จุด ในเดือนก.ย. ลดลงมาอยู่ที่ 102.5 จุด ในเดือน ต.ค. ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณ ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังจะเข้าสู่ภาวะ Recession ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลว่า Fed จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
ขณะที่ฝั่งยุโรปมีความเสี่ยงที่เข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นกัน เนื่องจากยังคงเผชิญกับวิกฤต พลังงาน อีกทั้งหลายสำหนักเศรษฐกิจยังออกมาเตือนอย่างต่อเนื่อง อาทิ สำนักงาน พลังงานสากล (IEA) ที่เชื่อโลกจะเข้าสู่วิกฤตพลังงาน หลังจากตลาดก๊าซ LNG อยู่ในภาวะ ตึงตัว (ยุโรปเพิ่มนำเข้าก๊าซ LNG เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครน และความ ต้องการใช้เชื้อเพลิงในจีนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น) บวกกับกลุ่ม OPEC+ ได้ตัดสินใจปรับลดกำลัง การผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ IMF ยังออกมาเตือนว่า ยุโรปมีความเสี่ยง สูงที่จะกลับมาเผชิญราคาก๊าซธรรมชาติและค่าไฟฟ้าที่สูงในปี 2566 เนื่องจากก๊าซที่ส่งมา จากรัสเซียอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค จนส่งผลให้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูง กลับมาอีกครั้ง ทำให้รัฐต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย และอาจเกิดปัญหาเศรษฐกิจถอยในที่สุดขณะที่มุมมองทางเทคนิค เห็นได้ชัดว่า Dollar Index ล่าสุดอยู่ที่ 112 จุด ซึ่งหาก Dollar Index ปรับตัวลงหลุด 110 จุด ถือว่าเป็นขาลงชัดเจน ซึ่งทรงกราฟปัจจุบันที่ไม่ยก Low ยก High ใหม่ บวกกับ MACD ที่อยู่ในภาวะ Bearish คาดเป็นสัญญาณให้ Dollar Index อ่อนค่าในไม่ช้า
ซึ่งหาก Dollar Index กลับมาอ่อนค่า คาดส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ ซึ่ง ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 38.03 บาท/เหรียญฯ
ประเด็นดังกล่าว ถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้นักลงทุนโยกย้ายเม็ดเงินจากประเทศกลุ่ม พัฒนาแล้วมาสู่ฝั่งเอเชียมากขึ้นรวมถึงไทยที่คาด Flow ไหลเข้าพร้อมกับการท่องเที่ยว ที่ฟื้นตัว
TREND ราคาน้ำมันดิบ และถ่านหิน ฝ่ายวิจัยฯ มีมุมมองอย่างไร?
ส่วนของราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยสัปดาห์ล่าสุดปิดปรับตัวลดลง 2.1%wow หลังจาก สหรัฐฯประกาศระบายน้ำมันจากคลังสำรอง SPR 15 ล้านบาร์เรลเพื่อสกัดการเพิ่มขึ้นของ ราคาน้ำมัน รวมถึงความกังวลว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุม เดือน พ.ย. และ ธ.ค. ขณะที่มุมมองราคาน้ำมันระยะยาว ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานราคา น้ำมันดิบดูไบปี 2565 อยู่ที่ 100 เหรียญฯ/บาร์เรล, ปี 2566 อยู่ที่ 90 เหรียญฯ/บาร์เรล, และระยะยาวตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปอยู่ที่ 75 เหรียญฯ/บาร์เรล ทั้งนี้การดีดตัวของราคา น้ำมันที่มีนัยฯเกิน 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในช่วงที่ผ่านมาถูกขับเคลื่อนหลักมาจาก สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน อย่างไรก็ตาม ระยะยาวคาดแนวโน้ม ราคาน้ำมันจะเริ่มปรับตัวลดลงเข้าสู่ demand และ supply ที่แท้จริง ซึ่งภายใต้สมมติฐานดังกล่าว มูลค่าพื้นฐานของ PTTEP อยู่ที่ 178 บาท/หุ้น และ PTT (BK:PTT) อยู่ที่ 52 บาท/หุ้น แนะนำหาจังหวะ trading ตามทิศทางราคาน้ำมัน
ขณะที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาถ่านหินเริ่มปรับตัวลดลง คาดสะท้อนความกังวลด้าน อุปทานที่ลดลง รวมถึงความต้องการใช้ที่ปรับตัวลดลงหลังจากผ่านพ้นช่วงความต้องการ ใช้สูงสุดในประเทศจีนมาแล้ว อย่างไรก็ตามราคาปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงมากโดยได้รับ ปัจจัย หนุนจากความต้องการที่สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวของยุโรป และ supply ที่ออกสู่ ตลาดได้ อย่างจำกัดจากประเด็นสงครามระหว่างยูเครน-รัสเซีย รวมถึงมาตรการควบคุม ความ ปลอดภัยในแหล่งผลิตถ่านหินหลักของประเทศจีน ทั้งนี้หากสถานการณ์กลับคืนสู่ สภาวะปกติ คาดราคาถ่านหินจะเริ่มค่อยๆปรับตัวลดลงตามภาวะสมดุลของ demand และ supply ที่แท้จริง สำหรับภาพภาพระยะยาวถ่านหินยังมีปัจจัยหนุนจากการเป็น เชื้อเพลิงที่มีต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าต่ำที่สุด ทำให้หลายประเทศยังสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขึ้นตามแผนผลิตไฟฟ้าในระยะยาว แต่การเติบโตจากนี้อาจชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับอดีต เพราะหลายประเทศให้ความสำคัญกับ สิ่งแวดล้อมมากขึ้นและหันมาสนับสนุนไฟฟ้าจาก พลังงานทดแทน ทั้งนี้ราคาถ่านหินอิง ดัชนี BJI ปี 2564 อยู่ที่ 138.9 เหรียญฯ/ตัน เพิ่มขึ้น จากปี 2563 ที่เฉลี่ย 58.6 เหรียญฯ/ ตัน สะท้อนความต้องการใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ supply ที่จำกัดจากการควบคุมเรื่อง สิ่งแวดล้อม โดยฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานดัชนี BJI ปี 2565 ไว้ที่ 100-120 เหรียญฯ/ตัน และปรับลดลงในปี 2566 ที่ 80-85 เหรียญต่อตัน สำหรับ BANPU (Switch: FV@B13.00) จึงแนะนำ trading ช่วงสั้นตามทิศทางราคา ถ่านหินเท่านั้น
ปลดล็อกต่างชาติที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ซื้อบ้าน-ที่ดิน ไม่เกิน 1 ไร่
ที่ประชุมครม. วานนี้ 25 ต.ค. 2565 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดิน เพื่อ ใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงใน 4 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง 2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3) กลุ่มที่ต้องการทำงานในประเทศไทย และ 4) กลุ่มผู้ มีทักษะ เชี่ยวชาญพิเศษ โดยกำหนดสิทธิที่จะได้รับ คือที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ ในเขตกทม. - แหล่งท่องเที่ยว ภายใต้เงื่อนไขลงทุนในไทยไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี (เดิม 5 ปี) ในกิจการดังนี้ คือ 1) การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย, ธปท. และ รัฐวิสาหกิจ 2) ลงทุนในกองรวมอสังหาฯ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 3) ลงทุนใน REIT 4) ลงทุนในทุน เรือนหุ้นของนิติบุคคลที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน และ 5) ลงทุนในกิจการที่ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศ
ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มอสังหาฯ เนื่องจากไทยถือเป็นหนึ่งประเทศท่องเที่ยว ที่เป็นจุดหมายปลายทางของชาวต่างชาติที่สนใจเข้ามาถือครองอสังหาฯ ทั้งเพื่อการลงทุน และซื้อเพื่ออยู่อาศัย โดยหากย้อนกลับไปก่อนเกิดโควิด-19 ปี 2561 พบว่ามูลค่าการโอน กรรมสิทธิ์ห้องชุดของลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 5.72 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 16% ของมูลค่าโอน ฯ แต่หลังจากโควิด-19 ทำให้ดีมานด์ชาวต่างชาติหายไป ส่งผลให้มูลค่าโอนของลูกค้า ต่างชาติลดลง 11.6% และ 25% yoy อยู่ที่ 5.06 หมื่นล้านบาท และ 3.77 หมื่นล้านบาท ปี 2562-2563 ตามลำดับ ก่อนเริ่มขยายตัว 5% สู่ระดับ 3.96 หมื่นล้านบาทปี 2564 ดังนั้นเชื่อว่าแรงขับเคลื่อนจากการเปิดประเทศ และการปลดล็อกให้คนต่างชาติสามารถ ซื้อที่อยู่อาศัยข้างต้น จะทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และขยาย วงกว้างสู่สินค้าแนวราบเพิ่ม จากก่อนหน้านี้ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจคอนโดฯ เป็นส่วน ใหญ่ อย่างไรก็ดีหากพิจารณาประเด็นบวกดังกล่าว รวมกับเงื่อนไขที่กำหนดให้คน ต่างชาติต้องมีการลงทุนไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท ทำให้ผู้ประกอบการที่ได้ประโยชน์ มากสุด คือ กลุ่มที่มีพอร์ตสินค้าระดับบน ได้แก่ SC (FV@B4.88) มีสินค้าราคาเกิน 20 ลบ คิดเป็น 30-40% ของพอร์ตรวม ตามด้วย LH (FV@B11.50) สัดส่วน 30% ของ พอร์ตรวม เป็นสินค้าเกิน 20 ลบ. และ SPALI (FV@B28.60)
SET INDEX มักขยับขึ้นได้ดีในช่วงที่ FUND FLOW ไหลเข้า
ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ต่างชาติซื้อสุทธิสะสมหุ้นไทยต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ารวม 6.3 พันล้านบาท พร้อมกับซื้อสุทธิสัญญา SET50 Futures ต่อเนื่อง 5 วันทำการ ด้วยมูลค่าสูง ถึง 94,898 สัญญา ถือเป็น Momentum ส่งให้ SET Index กลับมายืนเหนือ 1600 จุด อีก ครั้ง โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติมในช่วงที่ เหลือของปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ต่างกับประเทศพัฒนายังมีความ กังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงแรงกดดันจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของไทย ถือว่าต่ำกว่า ประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐ ทำให้แรงกดดันการโยกย้ายเม็ดเงินไปตลาดตราสาร หนี้ไทยที่ค่อนข้างต่ำ
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยฯได้ทำการศึกษา ความสัมพันธ์ระหว่าง Fund Flow กับตลาดหุ้นไทย ในปีนี้ (ytd) พบว่า “Fund Flow มีส่วนสำคัญในการผลักดันตลาดมาก โดยเฉพาะในช่วง เวลาที่ต่างชาติซื้อสุทธิ” ดังนี้
เริ่มจากปีนี้ต่างชาติซื้อหุ้นไทยมาแล้ว 110 วัน จาก 195 วันทำการ (ytd) โดยวันที่ต่างชาติ ซื้อสุทธิ SET Index มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 0.3% ต่อวัน และมีความน่าจะเป็นที่ SET Index ขยับขึ้น 70% ยิ่งไปกว่านั้นหากพิจารณา วันที่ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยพร้อมกับ สัญญา SET50 Futures มี 71 วัน จาก 195 วันทำการ SET Index ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย สูงถึง 0.4% ต่อวัน และมีความน่าจะเป็นที่ SET Index ขยับขึ้น 80%
อีกมุมหนึ่งถ้านำผลตอบแทนของ SET Index ในปีนี้ ช่วง 110 วันที่ต่างชาติซื้อสุทธิมา รวมกัน จะได้ผลตอบแทนสะสมสูงถึง 22.6% และถ้านำผลตอบแทนของ SET Index ในช่วง 71 วันที่ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นและสัญญา SET50 Futures มารวมกัน จะได้ ผลตอบแทนสะสมสูงขึ้นไปอีกอยู่ที่ 35% ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทน SET Index (ytd) 195 วัน ทำการที่ -3.4% มาก
สรุป Fund Flow ต่างชาติเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่สามารถกำหนดทิศทางของตลาด หุ้นไทยได้และSET Index มีโอกาสขยับขึ้นได้ดีในวันที่ต่างชาติซื้อสุทธิ ส่วนช่วงเวลา ที่เหลือของปีฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่า Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ
สำหรับกลยุทธ์วันนี้ แนะนำหุ้นขนาดใหญ่สภาพคล่องสูงที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน ผลประกอบการ 4Q65 โดดเด่น อย่าง LH (ได้ Sentiment บวก ปลดล็อกต่างชาติซื้อ บ้าน-ที่ดิน) SCGP (ผลประกอบการดีขึ้น จากต้นทุนกระดาษ ต้นทุนผลิตภัณฑ์ลดลง) CRC (เข้าสู่ช่วง High Season ได้แรงหนุนจากมาตการกระต้นเศรษฐกิจ ช่วงโค้ง สุดท้ายของปี) เป็น Top pick
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities