Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน: เราคาดว่า SET Index วันนี้ (4 ต.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,595 จุด คาด SET ยังคงผันผวน แต่มี Downside ที่จํากัด จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามทิศทางราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม เรายังคงชอบ PTTEP มากที่สุดในกลุ่ม ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร รัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง เป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมการลงทุน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า โดยเฉพาะ EA GULF อย่างไรก็ตามภาพรวมการลงทุนยังมีความเสี่ยง และมีโอกาสที่ SET จะผันผวนในกรอบขาลง จาก การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก รวมไปถึงรายงานเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวในระยะสูง จะยิ่ง เป็นปัจจัยเร่งการดําเนินนโยบายการเงิน ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า (13 ต.ค.) เพื่อเป็น ปัจจัยกําหนดทิศทางการลงทุนในช่วงที่เหลือของปี 2565 กลยุทธ์การลงทุน หุ้นในพอร์ต 40% เลือก PTTEP BANPU BAFS BEM BDMS AWC CENTEL PTG Susco เป็นหุ้นเด่น - เราให้น้ําหนักหุ้นในพอร์ต 40% เพิ่มลดความเสี่ยงจากการดําเนินนโยบายการเงินที่ เข้างวดมากขึ้นของเฟด Theme หุ้นที่น่าลงทุน กลุ่มพลังงาน เราเลือก PTTEP BANPU PTT (BK:PTT) BCP TOP SPRC หุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เราเลือก ASIAN SAPPE หุ้นในกลุ่ม Defensive เราเลือก BDMS BH INTUCH ADVANC หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า เราเลือก EA GULF BGRIM GPSC EGCO หุ้นในกลุ่มขนส่งใน ประเทศ เราเลือก BEM หุ้นเปิดเมือง เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS ERW AWC CENTEL PTG SUSCO ราคาน้ํามันดิบฟื้นตัว เรามองเป็นบวกต่อ PTTEP - สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ปิดที่ 86.52 เหรียญ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.89 เหรียญ (+3.5%) ราคาน้ํามันดิบปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากปัจจัยทั้งปัจจัยพื้นฐาน และ ปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน โดยปัจจัยพื้นฐานยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดหมายผลการประชุม OPEC+ คืนนี้ (5 ต.ค.) ที่คาดว่าแผนการผลิตน้ํามันเดือน พ.ย. OPEC+ จะมีการปรับลดกําลังผลิตมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล ต่อวัน (คาดมากถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน) ขณะที่ปัจจัยที่ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน เป็ฯ Sentiment เชิงบวกจาก การคาดหมายว่าธนาคารกลางทั่วโลก จะลดน้ําหนักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่วนหนึ่งสะท้อนมาจากตัวเลข เศรษฐกิจที่รายงานออกมาอ่อนแอลงชัดเจน จากผลของการดําเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดในช่วงที่ผ่านมา ทํา ให้ตลาดกลับมาคาดหมายธนาคารกลางจะไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทําให้ความเสี่ยงต่อการที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ ภาวะถดถอยลดลง อีกทั้งราคาน้ํามันดิบยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่ง เป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน อ่อนค่าลง 1.5% สู่ระดับ 110.0690 เมื่อคืนที่ผ่านมา เรามีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เลือก PTTEP BANPU PTT BCP TOP SPRC แต่ต้องพิจารณาผลการประชุม OPEC+ คืนนี้ประกอบการพิจารณาการลงทุนในระยะต่อไป หากการปรับ ลดการผลิตในเดือน พ.ย. ไม่เกินกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เราเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสที่จะถูกขายทํากําไรใน ลักษณะ Sell on fact แต่หาก OPEC+ มีมติปรับลผการผลิตมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล (หรือ 2 ล้านบาร์เรล ตามที่ ตลาดเริ่มกลับมาให้น้ําหนัก) มีโอกาสที่เราจะเห็นราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานต้นน้ําอย่าง PTTEP ไปต่อ อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเป็นบวกต่อทิศทางราคาน้ํามันดิบในช่วงที่เหลือของปี 2565 จาก Seasonal Demand และอุปทานที่ยังคงตึงตัว ทําให้เราคาดว่าราคาน้ํามันดิบมีโอกาสกลับขึ้นไปที่ระดับ 100-110 เหรียญต่อ บาร์เรล ภายในสิ้นปี 2565 ติดตามรายงานปริมาณน้ํามันดิบจากสํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาล สหรัฐ (EIA) คืนนี้ (5 ต.ค.) ขณะที่ Market Consensus คาดว่าปริมาณสํารองน้ํามันดิบจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประเด็นที่น่าติดตาม รายงานเงินเฟ้อของไทย การประชุม OPEC+ และตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ - ตลาดหุ้นจีน หยุดการทําการ เนื่องในวันชาติจีน สิ้นสุด 7 ต.ค. (5 ต.ค.) ไทย - ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือน ก.ย. (คาด 6.7%yoy ลดลงจากเดือน ส.ค. ที่ 7.86%yoy) / สหรัฐฯ - ปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ จาก API และ IEA การประชุม OPEC+ ตัวเลขดุลการค้า ดัชนี PMI รวมจาก S&P Global เดือน ก.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ เดือน ก.ย. ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการผลิตจากสถาบัน ISM เดือน ก.ย. และดัชนี PMI ภาคการ บริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) เดือน ก.ย. ( ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนําทางเทคนิค ได้แก่ SUSCO (แนวต้าน 5.18-5.26/ แนวรับ 4.92-4.88/ Stop loss 4.68) " SCI (แนวต้าน 1,82-1.86 / แนวรับ 1.73-1.72/Stop loss 1.64) & BA (แนวต้าน 12.7-13.0 7 แนวรับ 12.1-11.9/Stop loss 11.5) SET ฟื้นตัว หลัง Panic sale ในวันซื้อขายก่อนหน้า รวมไปถึงแรงซื้อกลับหุ้นในกลุ่มพลังงานตามทิศทางราคา น้ํามันดิบ - SET วานนี้ (4 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,578.00 จุด เพิ่มขึ้น 19.95 จุด (+1.286) มูลค่าการซื้อขาย 64,004.73 ล้านบาท (สูงสุด 1,584.57 จุด และตําสุด 1,567.48 จุด) SET กลับมาฟื้นตัว จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม พลังงานตามคาด ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ํามันดิบที่กลับมาฟื้นตัวของก่อนการประชุม OPEC+ วันที่ 5 ต.ค. รวมไปถึงยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นของ SET ยังเป็นไปอย่างเปราะบาง จากปริมาณการซื้อขายที่ไม่ มาก ทําให้ยังคงมีความผันผวนสูงในระหว่างการซื้อขาย โดยนักลงทุนยังคงกังวลต่อการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทําให้ยังคงต้องติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า (13 ต.ค.)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities