Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน: เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,585-1,620 จุด เราคาดว่า SET มีโอกาสฟื้นตัวช่วงสั้น โดยเราให้น้ําหนักเพียงการเก็งกําไร ปัจจัยหนุน SET ฟื้นตัวระยะสั้น อยู่ที่ (1) การปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และ (2) การอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์ ประกอบกับเดือน ก.ย. SET ปรับฐานลงกว่า 2.42% ทําให้มีความน่าสนใจในเชิงของ Valuation อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มขึ้นของ SET เราให้น้ําหนักเป็นเพียงการเก็งกําไรระยะสั้นเท่านั้น โดยภาพรวม การลงทุนยังอยู่ในโหมดของ Recession และการเร่งปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก ขณะที่ไทยยังมีปัจจัยจํากัดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทําให้เราประเมินทิศทางค่าเงินบาทที่ยังมีโอกาส กลับมาอ่อนค่า และเสียงต่อ fund flow ที่จะไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ระยะสั้นเราแนะนํา เก็งกําไร หุ้น ในกลุ่มพลังงานต้นน้ํา เลือก PTTEP BANPU เป็นหุ้นเด่น ขณะที่ผลกาประชุม กนง. ทําให้เรามองหุ้นใน กลุ่ม Domestics play อย่างโรงไฟฟ้า ค้าปลีก ขนส่งในประเทศ ท่องเที่ยว น่าสนใจ เราเลือก CPALL (BK:CPALL) MAKRO HMPRO MEGA BEM ERW CENTEL EA GULF BH BDMS กลยุทธ์การลงทุน หุ้นในพอร์ต 40% เลือก BLA BAFS BEM BDMS AWC CENTEL PTG SUSCO เป็นหุ้น เด่น - เราปรับลดน้ําหนักหุ้นในพอร์ตเหลือ 40% จากความเสี่ยงจากการดําเนินนโยบายการเงินที่เข้างวดมาก ขึ้นของเฟด ทําให้หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย น่าสนใจ เราเลือก BBL KBANK (BK:KBANK) SCB THREL TL BLA รวมไปถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า เราเลือก ASIAN SAPPE ขณะที่หุ้น ในกลุ่มเดิมที่ยังน่าสนใจต่อเนื่องมาจากเดือน ก.ย. เราเลือกหุ้นในกลุ่ม Defensive เราเลือก BDMS BH INTUCH หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า เราเลือก EA GULF BGRIM GPSC EGCO หุ้นในกลุ่มขนส่งในประเทศ เราเลือก BEM และ หุ้นเปิดเมือง เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS ERW AWC CENTEL PTG SUSCO ผลการประชุม กนง. เป็นไปตามคาด มอง Domestics play น่าสนใจ เลือก โรงไฟฟ้า ค้าปลีก ท่องเที่ยว น่าสนใจ - 5 เรื่องที่น่าสนใจจากการประชุม กนง. ได้แก่
(1) กนง. มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps เป็น 1.0% ตามคาด
(2) ประมาณการ GDP ปี 2565 คงไว้ที่ 3.3% แต่ปี 2565 ปรับลดลงจาก 4.2% เหลือ 3.8%
(3) คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ปี 2565 อยู่ที่ 6.3% (เดิม 6.2%) และปี 2566 อยู่ที่ 2.6% (เดิม 2.56)
(4) จํานวนนักท่องเที่ยว ปี 2565 คาดจะอยู่ที่ 9.5 ล้านคน และปี 2566 อยู่ที่ 21 ล้านคน (เทียบกับ ประมาณการของเราที่คาดว่าปี 2565 อยู่ที่ 10 ล้านคน และปี 2566 อยู่ที่ 25 ล้านคน) และ
(5) ปรับเพิ่ม ประมาณการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดปี 2565 เป็น 1.4 หมื่นล้านเหรียญ จากเดิมคาดขาดดุล 8 พันล้านเหรียญ จากผลการประชุม กนง. ทําให้เรามีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Domestics play โดยเฉพาะ โรงไฟฟ้า ค้า ปลีก ขนส่งในประเทศ ท่องเที่ยว น่าสนใจ เราเลือก CPALL MAKRO HMPRO MEGA BEM ERW CENTEL EA GULF BH BDMS
• สัปดาห์นี้ติดตาม รายงาน GDP ของ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ รายงาน PMI และจีน และตัวเลข PCE สหรัฐฯ - 29 ก.ย. : สหรัฐฯ – รายงาน GDP ในช่วง 3Q65 และจํานวนผู้ยื่นขอนรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (คาด 2.15 แสนตําแหน่ง) / เยอรมนี - ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย. // 30 ก.ย. : ญี่ปุ่น - อัตราส่วนของตําแหน่ง งาน/จํานวนผู้สมัครงาน เดือน ส.ค. ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรม เดือน ส.ค. และดัชนียอดขายปลีก เดือน ส.ค. / จีน - ดัขนี PMI ภาคการผลิตและบริการ เดือน ส.ค. / อังกฤษ - รายงานดุลบัญชีเดินสะพัด รายงาน GDP ในช่วง 3Q65 / เยอรมนี - ดัชนียอดขายปลีกของเยอรมนี เดือน ส.ค. การเปลี่ยนแปลงอัตราการว่างงาน เดือน ก.ย. อัตราการว่างงาน เดือน ก.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือน // ก.ย. และอัตราการว่างงาน เดือน ส.ค. / สหรัฐฯ
- ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน ส.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 4.7% เพิ่มขึ้น จากเดือน ส.ค. ที่ 4.6%) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในเขตชิคาโก เดือน ก.ย. ความคาดหวังของผู้บริโภค รัฐมิชิแกน เดือน ก.ย. รายงานจํานวนแท่นขุดเจาะน้ํามันดิบจาก Baker Hughes /ยูโรโซน - ดัชนีราคา ผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ย.
ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนําทางเทคนิค ได้แก่ © AAV (แนวต้าน 3.02-3.08 / แนวรับ 2,88-2.86 / Stop loss 2.74) @ KSL (แนวต้าน 4.16-4.24 / แนวรับ 3.96-3.84 / Stop loss 3.76) @ VRANDA (แนวต้าน 8.3-8.46 / แนวรับ 7.9-7.8/Stop loss 75) SET ปิดลดลง ตามภูมิภาค ขณะที่ผล กนง. ขึ้นดอกเบี้ยตามคา ส่งผลให้บาทยังมีทิศทางอ่อนค่าต่อนเนื่อง - SET วานนี้ (28 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,599.23 จุด ลดลง 11.35 จุด (-0.70%) มูลค่าการซื้อขาย 69,726.47 ล้านบาท (สูงสุด 1,606.23 จุด และต่ําสุด 1,595.76 จุด) SET ปรับลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดย ได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ส่งกระทบต่อค่าเงินบาท และเงินลงทุนต่างชาตที่ไหลออกตาม ทิศทางของค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ให้ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 0.75% เป็น 1.00% ตามคาด ยิ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทเร่ง อ่อนค่ามากขึ้น
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities