🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

ตลาดหุ้นไทย เสี่ยงต่ำ ... ดึงดูด FUND FLOW 

เผยแพร่ 05/09/2565 10:47
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อย่าง สหรัฐฯ และ ยุโรป ประเมินว่าอยู่ภายใต้ แรงกดดันจากความกลัวเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว ไปจนถึงถดถอย เห็นได้จากการ ตีความตัวเลขเศรษฐกิจที่จบลงด้วยผลลบต่อตลาดหุ้น เช่น หากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ ออกมาเป็นบวก ก็กังวลว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรง กดดันเศรษฐกิจในระยะ ต่อไป และในทางตรงข้ามหากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ดีก็เกิดความกลัวเรื่อง เศรษฐกิจถดถอยตามมา ภาวะดังกล่าวทำให้ ทำให้ภาพใหญ่ของตลาดหุ้นในกลุ่ม ประเทศพัฒนาแล้วอยู่ภายใต้แรงกดดัน และมีความเสี่ยงในระดับสูง ขณะที่ สถานการณ์ในบ้านเราตรงข้าม กล่าวคือเห็นการฟื้นตัวชัดเจนของทั้ง ผล ประกอบการบริษัทจดทะเบียน และ เศรษฐกิจ สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะทำให้ Fund Flow ยังไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยได้ต่อเนื่อง ระยะสั้น

SET Index น่าจะผันผวนในกรอบ 1610 –1630 จุด พอร์ตจำลองวันศุกร์ ได้Cut Loss หุ้น BLA น้ำหนัก 10% ให้จัดสรรเงินเข้าลงทุน BRIและ TPIPLอย่าง ละ 5% สำหรับหุ้น Top Pick เลือก BRI, CENTEL และ TPIPL

ตลาดยังกังวล RECESSION สหรัฐฯ และยุโรปเป็นหลัก กดดันตลาดหุ้น ให้ UNDERPERFORM

ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงในวันศุกร์ราว 1-3% ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 หลังจากวัน ศุกร์ที่ผ่านมามีรายงานตัวเลขอัตราการว่างงานสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นเป็น 3.7% จากที่คาดไว้ 3.5% แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร(Nonfarm-Payroll) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 315,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 300,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าเดือน ก่อนหน้าที่ระดับ 526000 ตำแหน่ง)

โดยรวมแล้วตัวเลขเศรษฐกิจนี้ถือว่าออกมา "แย่กว่าที่คาด" ในทางกลับกันการที่ ตลาดแรงงานอ่อนตัวลงกว่าที่คิด อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้การใช้เครื่องมือของ FED ในการ ควบคุมเงินเฟ้อ มีข้อจำกัดโดยหากดูจาก FED Watch Tool พบว่า โอกาสที่ FED จะขึ้น ดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งถัดไป ลดลงเหลือเพียง 57% (ก่อนการประกาศตัวเลข เศรษฐกิจดังกล่าว โอกาสที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อยู่ที่ 74%) เนื่องจากสหรัฐฯเข้าสู่ ภาวะ Technical Recession (GDP Growth ติดลบ 2 ไตรมาส) และอาจกำลังเข้าสู่ภาวะ ถดถอยที่แท้จริงในระยะต่อไป แต่หาก FED เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป ในภาวะ เศรษฐกิจไม่แข็งแกร่งพอ อาจมีความเสี่ยงให้ GDP Growth สหรัฐฯไตรมาส 3 ติดลบ อีก 1 ไตรมาสได้

ขณะที่ฝั่งยุโรปก็มีความเสี่ยงให้ GDP Growth ไตรมาสที่ 3 ติดลบ และเข้าสู่ภาวะ Technical Recession เช่นกัน เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างยุโรป-รัสเซีย หลังการ ประชุม G7 ตกลงว่าจะกำหนดราคาน้ำมันของรัสเซียไม่ให้แพงเกินไป ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อ หั่นรายได้ของรัสเซีย สำหรับการทำสงครามในยูเครน ขณะที่บริษัท Gazprom ของรัสเซีย แถลงว่าไม่สามารถเริ่มการส่งมอบก๊าซให้ยุโรปตามกำหนดเดิม เพราะได้พบปัญหาท่อ น้ำมันรั่วที่ท่อส่งก๊าซ Nord stream 1 ทำให้ต้องระงับการส่งก๊าซต่อไป "อย่างไม่มีกำหนด" (แถลงหลังการประชุม G7 ทันที) ซึ่งประเด็นดังกล่าว สร้างความกังวลต่อหลายประเทศใน ยุโรปอาจเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงานในช่วงฤดูหนาวที่จะถึงนี้ รวมถึงต้องแบกรับ ราคาเชื้อเพลิงที่สูง

สรุป ความเสี่ยงต่อ GDP Growth ชะลอลงทั้งในส่วนสหรัฐฯและยุโรป สร้างความ กังวลต่อเม็ดเงินที่จะไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นในฝั่งพัฒนาแล้ว และมีโอกาส ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นฝั่งกำลังพัฒนาที่มีความเสี่ยงด้านเศรษบกิจต่ำกว่า

การท่องเที่ยวครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโต หนุน FLOW ไหลเข้าไทย

แม้ประเด็นสงครามระหว่างรัสเซียยูเครนเบาลง แต่เรื่องของ Supply Shortage ยังต้องใช้ ระยะเวลาในการแก้ไข บวกกับราคาสินค้าและพลังงานยังอยู่ระดับสูง นำไปสู่ความกังวล ต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในระยะถัดไป สะท้อนได้จาก Bond Yield 10 ปี – 2 ปี ของ สหรัฐฯ -20 Bps.(จุดต่ำสุด -49 Bps.)

ขณะที่ประเทศไทยยังไม่เห็นสัญญาณดังกล่าว โดย Bond Yield 10 ปี – 2 ปี ของไทย +118 Bps. หนุน Fund flow ต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างไทย ซึ่ง ภาพรวมเศรษฐกิจยังเติบโตได้ดีในช่วง 2H65 จากการเปิดเมือง, การกระตุ้นเศรษฐกิจของ ภาครัฐฯ, และจำนวนนักท่องเที่ยงที่ทะลักเข้าประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับกระทรวงพาณิชย์ที่ คาดว่ามูลค่าขาดดุลการค้าของไทยยังมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น จากสินค้ากลุ่มเชื้อเพลิงเป็นหลัก ตามแนวโน้มการปรับขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม

ฝ่ายวิจัยคาดว่าในช่วง 2H65 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้จากภาคการท่องเที่ยว โดย ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยว่าในช่วง 8 เดือนแรก (1 ม.ค. - 31 ส.ค. 2565) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยรวมกว่า 4.6 ล้านคน (เฉลี่ย 0.58 ล้านคนต่อเดือน) โดยตลอดทั้งปี 2565 ททท. เชื่อว่าจะผลักดันให้นักท่องเที่ยวเดิน ทางเข้ามาในประเทศไทย 10 ล้านคน โดยในช่วง 4 เดือนหลังจากนี้ คาดว่าจะมนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 5.4 ล้านคน (เฉลี่ย 1.35 ล้านคนต่อเดือน) ซึ่งการเติบโตด้านการ ท่องเที่ยว จะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนที่จะทำให้Fund Flow ไหลเขามาในไทยมากขึ้น และ ดันให้เศรษฐกิจไทย ปี 2565เติบโตราว 3% - 3.5% ตามที่หลายสำนักเศรษฐกิจไทยได้ คาดการณ์ไว้

สรุป Invert Yield Curve ฝั่งสหรัฐฯ เป็นตัวบ่งชี้ความกังวลว่า เศรษฐกิจฝั่งประเทศ พัฒนาแล้วจะชะลอตัวลง ขณะที่ฝั่งประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทยยังอยู่ในช่วง Recovery หรือ เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวเด่นในช่วง 2H65 โดยเฉพาะกี่เพิ่มขึ้นของ ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เด่นชัดขึ้น หนุนเป็นแรงจูงใจ Fund flow ต่างชาติมาพยุง SET Index ในช่วงต่อจากนี้ โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวระดับ 1610 -1630 จุด

ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทย ปัจจัยกดดันให้ราคา COMMODITY ผันผวน

ันนี้ทางกระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือน ส.ค. โดยตลาดคาดว่า เพิ่มขึ้น 7.90%YoY (เดือนก่อนเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 7.61%YoY) และหากพิจาณาความสัมพันธ์ ตัวเลขเงินเฟ้อกับผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา พบว่า หากตัวเลขเงินเฟ้อ ออกมาสูงขึ้นกว่าเดือนก่อน และสูงกว่าตลาดคาด ตลาดหุ้นไทยมักจะถูกกดดันให้ย่อตัวลง แต่ถ้าเงินเฟ้อชะลอการเพิ่มขึ้น หรือเพิ่มขึ้นน้อยกว่าเดือนก่อน ตลาดหุ้นไทยก็ทรงๆ ตัวใน แดนบวกได้

และหากพิจารณาประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเงินเฟ้อ รวมถึงราคาน้ำมัน ที่ ปัจจุบันยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงใกล้เคียง 100 เหรียญฯ/บาร์เรล มีดังนี้

• ความต้องการใช้เชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวในทวีปยุโรป

• แรงขับเคลื่อนจากมาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานจากรัสเซียของกลุ่ม EU ส่งผล ให้ supply อยู่ในสภาวะตึงตัว หนุนให้ช่วงที่เหลือของปีคาดว่าราคาน้ำมันยังมี แนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

• ในช่วงสั้นคาดกลุ่ม OPEC+ มีแนวโน้มปรับเพิ่มกำลังการลิตน้ำมันในเดือน ต.ค. ที่ 1 แสนบาร์เรล/วัน เท่ากับเดือน ก.ย. ซึ่งถือว่าต่ำกว่าในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ที่ ผ่านมา ที่ปรับเพิ่ม 6.48 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่ง OPEC+ จะมีการจัดประชุมขึ้นใน วันนี้

สรุปคือ ประเด็นเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่ผันผวน อาจกดให้ตลาดหุ้นผันผวนในระยะ สั้น เพราะนำไปสู่ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปได้ แต่ฝ่ายวิจัยประเมิน เป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปีอยู่ที่ 1730 จุด (ภายใต้ดอกเบี้ยขึ้นอีก 2 ครั้งรวม 0.5% ในช่วง ที่เหลือของปี) ดังนั้นหากตลาดหุ้นไทยย่อตัวลงมา ถือเป็นโอกาสในการสะสมเพื่อหวัง ผลตอบแทนในระยะกลางถึงยาวได้

กลยุทธ์แนะนำหุ้น Deep Value อย่าง TPIPL(กำไรปีนี้เติบโตเด่น ราคาย่อตัวลงมาจน มี PER65F ต่ำเพียง 5 เท่า), BRI(คาดกำไรเติบโตต่อเนื่อง 3 ปีข้างหน้า ไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี ราคาหุ้นยังต่ำกว่าราคา IPO คาดหวัง Dividend Yield 65F 5.4%ต่อปี) และ CENTEL (ได้แรงหนุนจากแนวโน้มนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง)

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย