ฝ่ายวิจัยคาดหมายว่า อัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค.65 จะยังอยู่ระดับสูง ทั้งนี้ประเมิน จากอัตราการปรับขึ้นของสินค้า-บริการ MoM โดยกำหนดให้เดือน ส.ค.65 ปรับขึ้น เท่ากับค่าเฉลี่ย 7 เดือนที่ผ่านมา และฐาน CPI ในช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่ผ่าน มา ภายใต้สมมุติฐานดังกล่าวคาดว่าอั้ตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือน ส.ค.65 ของ สหรํฐน่าจะอยู่ที่ 8.9% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงและน่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้ Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบเดือน ก.ย.65 ในอัตราเร่ง ซึ่ง Fed Watch Tool คาดว่าจะขึ้น 0.75% ส่วนบ้านเราประเมินเงินเฟ้ออยู่ที่ราว 8.6% ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายน่าจะเห็นในอัตรา 0.25% ต่อครั้งในการ ประชุมที่เหลืออีก 2 รอบของปีนี้ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่วา น่าจะทำให้ SET Index ผันผวนและผ่านแนวต้านสำคัญได้ยาก
SET Index น่าจะผันผวนในกรอบ 1630 – 1650 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ ไม่มีการ ปรับเปลี่ยนหุ้น แต่จะยกจุด Stop profit ของหุ้นที่มีกำไรให้สูงขึ้น สำหรับ หุ้น Top Pick เลือก BDMS, CKP และ SCB
อัตราเงินเฟ้อระดับสูง หนึ่งในปัจจัยกดดันตลาดหุ้นช่วงนี้
เหตุการณ์สงครามยูเครน-รัสเซีย ต่อเนื่องกว่า 7 เดือน ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้า เฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์ทางเกษตร และอาหาร หนุนอัตราเงินเฟ้อใน กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วดีดตัวขึ้นมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันเดือน สค.65 อยู่ในช่วง 8-10% และ มีโอกาสทรงตัวในระดับสูงต่อจากราคาน้ำมันดิบที่ยืนในโซนสูง บวกกับวิกฤตภัยแล้งใน หลายประเทศ คาดทำให้ Supply หายและส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสูงขึ้นในอนาคต โดย หากวิเคราะห์ CPI สหรัฐฯ เดือน สค.65 มีโอกาสทรงตัวในระดับสูง เนื่องจาก CPI MoM เพิ่มขึ้นในอัตรา 0.76% ต่อเดือน (ค่าเฉลี่ย 7 เดือนแรกของปี) ซึ่งนำมาคูณกับ CPI Index เดือน กค.65 ก็เพียงพอที่จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค.65 ปรับขึ้นไปอยู่ในช่วง 8.9%YoY
ขณะที่ประเทศไทยคาดอัตราเงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูงเช่นกัน ทั้งราคาน้ำมันดีเซลใน ประเทศยังทรงตัวระดับสูงที่ 34.94 บาท/ลิตร รวมถึงฐานคำนวณเงินเฟ้อเดือน ส.ค.64 อยู่ ในระดับต่ำเพียง 99.6 จุด ซึ่งเมื่อนำไปเทียบกับ CPI ปี 2565 พบว่าเดือน ก.ค.65 อยู่ที่ 107.40 จุด หากกำหนดให้ CPI เพิ่มขึ้นในอัตราเพียง 0.76% ต่อเดือน ก็เพียงพอที่จะ ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเดือน ส.ค.65 ปรับขึ้นไปอยู่ในช่วง 8.6%
สรุปประเด็นอัตราเงินเฟ้อระดับสูง เป็นตัวชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจ และตลาดหุ้น ในช่วงนี้ แต่คาดประเด็นดังกล่าวจะผ่านจุดพีคในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้เป็นต้นไป ถือเป็น จังหวะทยอยสะสมหุ้น
แม้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในโหมดขาขึ้น แต่คาดจบในปีนี้ เปิดทางFUND FLOW ไหลเข้าตลาดหุ้นระยะถัดไป
การส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของ FED เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังการประชุม Jackson Hole เสร็จสิ้น ทำให้นักลงทุนคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 จาก 2.50% เป็น 3.25% ด้วยความน่าจะเป็นระดับ 72.5% และมองดอกเบี้ยปลายปีจะพีคที่ระดับ 4.00% กดดันตลาดหุ้นโลกผันผวนในช่วงนี้
อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากนโยบายการเงินตึงตัวจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ Fed (ตลาด คาดจะอยู่ระดับ 4% ช่วงปลายปี) น่าจะค่อยๆ ผ่านจุดสูงสุดและคลายตัวลง ทั้งจากราคา สินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ เริ่มปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และชะลอตัวของเศรษฐกิจใน หลายประเทศไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ ยุโรป อังกฤษ หรือจีน มีส่วนช่วยลดระดับของเงินเฟ้อ ในฝั่ง Demand Pull ได้นำไปสู่การใช้นโยบายการเงินตึงตัวลดลงในระยะถัดไป
สรุปคือ แม้แรงกดดันจากนโยบายการเงินตึงตัวจาก Fed ยังมีกดดันตลาดหุ้นในช่วงนี้ แต่น่าจะค่อยลดลงในระยะถัดไปได้ รวมถึงในปีหน้าแรงกดดันจาก Spread ดอกเบี้ย ไทยสหรัฐมีโอกาสแคบลงตามไปด้วย ถือเป็นการดึงดูด Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้น ไทยเพิ่มเติมในระยะถัดไปได้
ซาอุดิอาระเบีย...โอกาสตลาดส่งออกไก่ไทย
ราคาไก่เป็นไทยล่าสุดอยู่ที่ 49 บาท/กก.ยืนสูงต่อเนื่อง ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี จากความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ฟื้นตัว สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีข่าวบวกจากตลาดส่งออกไก่ใหม่ของไทยคือซาอุดิอาระเบีย โดยปัจจุบัน ซาอุดิอาระเบียอนุญาตให้นำเข้าไก่จาก 11 โรงงานในไทย โดยมีผลทันที หลังจากได้มา ตรวจในปี 2564 แล้ว แบ่งเป็นโรงงานของ CPF 6 โรงงาน ทั้งไก่สดและไก่ปรุงสุก และ โรงงานของ GFPT 1 โรงงาน ได้ทั้งไก่สดและไก่ปรุงสุก ถือเป็นข่าวดีต่ออุตสาหกรรมไก่ไทย ที่จะมีตลาดส่งออกไก่ใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในระยะยาว ซึ่งเป็นตลาดนำเข้าไก่ ขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก มีการนำเข้าไก่ถึงราว 6 แสนตัน/ปี หลักๆ เป็นการนำเข้าจาก บราซิลราว 70% และอีก 30% นำเข้าจากยูเครนและฝรั่งเศส
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่าซาอุดิอาระเบียจะนำเข้าไก่จากไทยในปริมาณไม่มากนักในปี 2565 และจะทยอยเพิ่มคำสั่งซื้อในระยะยาว โดยคาดปริมาณส่งออกไก่ไทยในปี 2565 จะเติบโต 0.7% yoy สู่ระดับ 9.4 แสนตัน ถือเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก นอกจากนี้ การเพิ่มช่องทางการขายไก่ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ยังส่งผลบวกทางอ้อมต่อราคาไก่เป็นใน ไทยให้ยืนสูงต่อเนื่องด้วยเช่นกัน ถือเป็นผลบวกต่อผู้ประกอบการไก่ไทย ได้แก่ GFPT TFG และ CPF ที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไก่ในไทย 70% 50% และ 10% ตามลำดับ โดยฝ่าย วิจัยแนะนำซื้อ TFG (FV@B7.50) GFPT (FV@B17) และ CPF (FV@B32)
SET INDEX เผชิญความผันผวนตลาดหุ้นโลก MSCI REBALANCE แต่ ยังมี FUND FLOW คอยพยุง
วานนี้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสถูกกดดันตามตลาดหุ้นหลายแห่งที่ยังปรับตัวลงอยู่ อาทิ Dow Jones ปรับลง -308 จุด หรือ 1.0% (ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 กว่า -4.5%), NASDAQ ปรับลง -134 จุด หรือ -1.1% (ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 กว่า -6.0%) จาก ความกังวลการเร่งใช้นโยบายการเงินตึงตัวของ Fed ปลายปีมีโอกาสเห็นดอกเบี้ย 4.0% พร้อมกับความไม่สงบในคาบสมุทรไต้หวัน
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาตลาดหุ้นไทย ถือว่าแข็งแกร่งกว่ามาก โดยวานนี้ +12.93 จุด หรือ 0.8% หนุนให้ 3 วันทำการที่ผ่านมาดัชนีลบเพียง -0.2% หรือลงน้อยกว่าตลาดหุ้น ประเทศพัฒนาแล้วมาก ส่วนหนึ่งเกิดจาก Fund Flow ที่ยังไหลเข้าตลาดหุ้นกำลังพัฒนา รวมถึงไทยต่อเนื่อง โดยวานนี้ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 2.0 พันล้านบาท และตลอดเดือน ส.ค. ต่างชาติซื้อสุทธิสะสมหุ้นไทย 5.4 หมื่นล้านบาท (เป็นเดือนที่ซื้อสุทธิมากที่สุดของปี)
ส่วนวันนี้คาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ 1630 – 1650 จุด โดยเฉพาะช่วงท้าย ตลาดมีปัจจัยกดดันให้ตลาดผันผวนอยุ่ 2 เรื่อง คือ 1). มีการรรายงานตัวเลข CPI ยุโรป เดือน ส.ค. ตลาดคาดเพิ่ม 9%YoY สูงกว่าเดือนที่แล้ว 8.9%YoY 2). กองทุนต่างประเทศ มีการ Rebalance พอร์ตตามการปรับเปลี่ยนของดัชนีMSCI ที่จะมีผลบังคับใช้ราคาปิด วันนี้ คาดมูลค่าการซื้อขายมีโอกาสเข้ามาสูงผิดปกติในช่วงท้ายก่อนตลาดปิด
กลยุทธ์ยังคงแนะนำ Selective Buy เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีกว่า อย่าง SCB ราคาหุ้น Laggard กว่าหุ้น ธ.พ.ใหญ่อื่นๆ และยังได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น, BDMS แนวโน้มกำไรฟื้นตัวต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ โดยเฉพาะความคาดหวังการ เพิ่มขึ้นของลูกค้าใหม่จากซาอุฯ และหุ้น CKP กำไรไตรมาส 3 เข้าสู่ช่วง High Season ฤดูฝนตกหนัก เป็น Top pick
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities