- เงินเฟ้อ ความกังวลต่ออัตราดอกเบี้ย ทำให้เกิดภาวะตลาดหมี
- ตลาดหมีมีโอกาสวิ่งขึ้นของราคาในระยะสั้น ๆ
- มุมมองของฉันต่อทิศทางการลงทุนในภาวะตลาดผันผวน
-
สำหรับเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนง่ายขึ้น ลองใช้ InvestingPro+.
-
เงินเฟ้อ
-
ความตึงเครียดของสงคราม
-
ความปั่นป่วนของเทคโนโลยี
-
การขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นสหรัฐให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970 ในช่วงครึ่งปีแรก หากพิจารณาประโยคนี้ รวมกับ Dotcom crash ในปี 2000, subprime crash ในปี 2008 การเปลี่ยนตลาดกระทิงสู่ตลาดหมีในปี 2020 ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เลวร้ายที่สุดในรอบศตวรรษ
ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกับข้อเท็จจริงนั้น? เราควรจะคิดว่าตลาดได้เข้าสู่ภาวะตลาดหมีเต็มตัวก่อนที่เราจะพิจารณาลงทุนกับตลาดนี้ หรือควรพูดว่านี่เป็นเวลากอบโกยจากราคาที่ถูกลง
เวลาอาจเป็นองค์ประกอบที่ท้าทายและเข้าใจยากที่สุด (และบางคนก็บอกว่าเป็นภาพลวงตา) ของการลงทุน ก่อนที่เราจะพูดอะไรต่อ ขอบอกไว้ตรงนี้ว่า: เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่สามารถบอกอนาคตได้ เราไม่ได้เป็นหมอดู แต่ไม่ต้องกังวล นี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัว เราจะนำข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันมาประเมินอัตราอุปสงค์และอุปทานในปัจจุบันและพิจารณาเกี่ยวกับตัวเร่งปฏิกิริยาทางเศรษฐกิจ
ทิศทางของตลาด
ดัชนีหลักทั้งสี่ของสหรัฐอยู่ในตลาดหมี โดยลดลงมากกว่า 20% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในตลาดหมี หุ้นมีแนวโน้มที่จะลดลงมากกว่าที่จะปรับตัวขึ้น ดังนั้น นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแทนที่จะขายช่วงที่ราคาวิ่งขึ้น จะซื้อเวลาที่หุ้นถูกเทขายออก อย่างไรก็ตาม นักลงุทนที่ฉลาดและมีวินัยจะเพลิดเพลินกับการฟื้นตัวของตลาดหมี
จากดัชนีทั้งสี่ของสหรัฐ มีการโต้แย้งว่า Russell 2000 นั้นอ่อนแอที่สุด
Russell 2000 เป็นดัชนีหลักที่สำคัญของอเมริกาเพียงตัวเดียวที่ตกลงต่ำกว่า เส้นค่าเฉลี่ยนเคลื่อนที่(MA) 200 เดือนและอยู่ที่ระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ดังที่เห็นในแผนภูมิ 100 MMA อาจเป็นเป้าหมายแรกเริ่มก่อน 200 MMA ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อปรับแนวกับเส้นแนวโน้มขาขึ้นตั้งแต่จุดต่ำสุดในปี 2009 เพื่อชี้แจงว่าราคาที่ตกลงมาต่ำกว่า MA ที่มีนัยสำคัญแรกสุดและระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถเด้งกลับจากตรงนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาอยู่ใกล้กันมาก หมายความว่าหากราคายังคงต่ำกว่าระดับเหล่านี้ ก็มีแนวโน้มที่จะมุ่งไปยังตลาดกระทิงที่ตามมามากขึ้นเรื่อย ๆ ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น
เพราะเหตุใดหุ้นขนาดเล็กจึงลดลงมากที่สุดจากมุมมองพื้นฐาน ประเด็นสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดหมีคือนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบสี่สิบปี ซึ่งมักจะชะลอการเติบโต หากไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอยโดยสิ้นเชิง ดังนั้น บริษัทขนาดเล็กจึงไม่มีทรัพยากรเหมือนองค์กรขนาดใหญ่ที่สามารถใช้เงินทุนที่มีอยู่น้อยกว่าและต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น บริษัทขนาดใหญ่มีเงินมากขึ้น เจรจาอัตราการกู้ยืมที่ต่ำลง และเล่นกับการทำบัญชีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
เอาล่ะ เรามาเพิ่มโอกาสการลงทุนกัน
ฉันจะขายตอนที่ราคาวิ่งขึ้น และจุดที่ดีที่สุดคือจุดสูงสุดก่อนจะปรับตัวลง นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำควรรอให้แพทเทิ้ลนี้เกิดขึ้นเมื่อช่องอยู่ต่ำกว่าแนวรับหลักก่อนหน้า เราจะเห็นเส้นแนวรับ (สีดำ, แนวนอน) ที่ทำจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2018
เอ้า แล้วการวิ่งขึ้นของตลาดหมีที่ว่าล่ะ? ขอบคุณมากที่เตือนผม ผมขอย้ำว่าตลาดหมีมีโอกาสให้ผลตอบแทนมากมาย แต่ยังมีความเสี่ยงสูงขึ้นตามสัดส่วน ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะรับความเสี่ยงดังกล่าว คุณอาจจะทำผลงานได้ดีกว่าจากการลงทุนตามกระแสหลัง นอกจากนี้ ยังต้องใช้ความรู้ ประสบการณ์ และที่สำคัญที่สุดคือต้องมีวินัยในการทำตามแผนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและไม่ปล่อยให้อารมณ์เข้ามายุ่งเกี่ยว มาดูกราฟรายชั่วโมงกัน
เราสามารถเห็นแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น (สีเขียว) ภายในแนวโน้มขาลงในระยะยาว (สีแดง) Russell อาจทำจุดต่ำสุดของ H&S เสร็จแล้ว สังเกตว่าเนคไลน์เปลี่ยนจากแนวต้านเป็นแนวรับได้อย่างไร ท้ายที่สุด ในชั่วโมงสุดท้ายของสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซลทำฐาน H&S ที่แคบลง อาจดันราคาไปที่ด้านบนของช่อง ซึ่งสามารถดันราคาไปสู่จุดสูงสุดของช่องรายวันได้
นอกเหนือจากอารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่เคลื่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ทำให้เกิดการวิ่งขึ้นของราคาภายในตลาดหมี ตัวเร่งปฏิกิริยาสามารถสร้างแรงซื้อที่ทรงพลังได้ในขณะที่ผู้ค้าแข่งขันกันเพื่อซื้อของถูก คำถามที่เทรดเดอร์มืออาชีพจะพยายามตอบต่อไปท่ามกลางความผันผวนของตลาดคือว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงสุดก่อนที่เราจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้
ตัวเร่งปฏิกิริยา
ข้อมูลเศรษฐกิจ
ผมกำลังเฝ้ารอข้อมูลเศรษฐกิจเกี่ยวกับการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เนื่องจากเฟดได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 150 จุด
หาก ตัวเลขตำแหน่งงาน ต่ำกว่าที่คาดไว้ ผมคาดว่าจะมีการเทขายเพิ่มเติมจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยที่เพิ่มขึ้น
สัปดาห์นี้ เราจะจับตา ข้อมูลราคาผู้บริโภค ที่สูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ส่งผลให้เฟดต้องเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นอย่างมากถึง 75 จุด
ทั้งหมดนี้มาจากเบื้องหลังของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งประเมินจาก กิจกรรมการผลิตของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ ซึ่งลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองปีเมื่อเดือนที่แล้ว ในสัปดาห์ก่อนหน้า รายงานเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2
ในสัปดาห์ที่ 11 กรกฎาคม เราจะเริ่มฤดูกาลหารายได้ใหม่ มันจะเป็นโอกาสที่จำเป็นมากในการเรียนรู้วิธีที่บริษัทต่าง ๆ รับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งสูงขึ้น และการมองโลกในแง่ร้าย นอกจากนี้ จำเป็นต้องเข้าใจวิธีวัดความสำเร็จโดยยึดตามความคาดหวังเป็นหลัก นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายรับรายไตรมาสจะเพิ่มขึ้น 5.6% ต่อปี สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าสิ่งนี้ถูกปรับลดลงจากความคาดหวังก่อนหน้า 6.8% ความคาดหวังของนักเศรษฐศาสตร์ลดลงเนื่องจากสัญญาณของภาวะถดถอยที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนจะต้องประเมินความเป็นจริงหากผลประกอบการทำได้ตามเป้าหมายที่คาดไว้หลังจากเป้าคาดการณ์แล้ว มันประเมินค่อนข้างยาก
เราสามารถเห็นความไม่แน่นอนนี้ปรากฏในผลตอบแทนพันธบัตร
ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงต่ำกว่าแนวโน้มขาขึ้น และขณะนี้กำลังทดสอบจุดสูงสุด หากอัตราดอกเบี้ยอยู่ต่ำกว่า 2.8% อัตราผลตอบแทนพุ่งขึ้นล่วงหน้าจากความคาดหวังว่าอัตราที่สูงขึ้นจะทำให้พันธบัตรมีผลตอบแทนสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การเทขายหุ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้นักลงทุนต้องซื้อพันธบัตรคืน
นั่นทำให้เกิดคำถามว่าทำไมนักลงทุนจึงซื้อพันธบัตรหากพวกเขาคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปัจจุบันไม่น่าสนใจ? มันยากที่จะพูดให้ชัดเจน บางทีนักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะบรรเทาสถานการณ์มากขึ้น ความคิดที่น่ากลัวกว่าคือบางทีนักลงทุนอาจเลือกสิ่งที่เลวร้ายน้อยกว่า พวกเขายินดีที่จะขาดทุนจากการซื้อพันธบัตรที่ร่วงลง โดยคาดว่าอย่างน้อยก็ขาดทุนน้อยกว่าหุ้น
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นเกี่ยวกับ Russell ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความผันผวนจะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่หลากหลายเป้าหมาย และหากคุณอดทนและมีวินัย คุณจะเพิ่มโอกาสที่จะทำกำไรได้มากกว่าสูญเสียเงินทุนของคุณไป
คำถามหนึ่งที่นักลงทุนกำลังเผชิญคือ ใครจะชนะ - อัตราเงินเฟ้อหรืออัตราดอกเบี้ย เฟดจะมีความกล้าที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากพอที่จะระงับเงินเฟ้อและเสี่ยงที่จะผลักดันเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่? เราสามารถเห็นความไม่แน่นอนนี้บนแผนภูมิ
ค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ หยุดนิ่งที่ราคาสูงสุดล่าสุด อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะทำระดับสูงสุดใหม่ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ทำรูปแบบขาขึ้นสมบูรณ์แล้ว
เราเห็นความผกผันนี้ได้ใน ทองคำ
ทองคำร่วงลงตั้งแต่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 8 มี.ค. อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว ดังที่แสดงโดยเส้นสีดำด้านล่าง พึงรู้ว่าราคาได้รับการหนุนโดยเส้นต่ำสุดและเส้นแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว ในทางกลับกัน แนวโน้มขาลงระยะสั้นได้ผลักดันราคาออกไปทางแนวขาขึ้น
นักลงทุนทองคำลงทุนในทองคำแตกต่างกันตามการประเมินความเสี่ยงของแต่ละคน
นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงสามารถเข้าซื้อได้ตอนนี้เลย
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางสามารถซื้อได้หากราคาบรรจบกับแนวรับด้วยแท่งเทียนสีเขียวแท่งยาว
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำควรจะรอเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวเอาชนะเส้นแนวโน้มขาลงในระยะสั้น
Bitcoin ร่วงลงไปถึง 19,000 โดยลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 ราคาได้เสร็จสิ้นลงในรูปแบบขาลง ตอกย้ำแนวโน้มขาลงในระยะยาวของเรา ทุกครั้งที่ผมให้สัญญาณขาย จะมีคนเยาะเย้ยเสมอ แต่พวกเขาไม่เคยกลับมา เพราะผมพูดถูกทุกครั้ง
Bitcoin ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่แปด ทำรูปแบบต่อเนื่องภายในแนวโน้มขาลง ตามหลักการมาตรฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค สกุลเงินดิจิตอลอาจลดลงเหลือศูนย์
น้ำมันมีความผันผวนเป็นพิเศษเมื่อต้องเผชิญกับข่าวดราม่า ความผันผวนระหว่างความคาดหวังของอุปสงค์ที่ลดลงท่ามกลางข้อจำกัดของจีนและภาวะถดถอยในด้านหนึ่ง และการหยุดชะงักของอุปทานในอีกทางหนึ่ง JPMorgan ตั้งเป้าที่น่าตกใจไว้ที่ 380 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากรัสเซียตอบโต้การคว่ำบาตรด้วยการจำกัดอุปทานน้ำมันดิบ มาดูกันว่าสิ่งนี้ปรากฏบนกราฟอย่างไร
ตลาดหมีกำลังรอคอยมาเยือนตลาดน้ำมันซึ่งแตะจุดสูงสุดในเดือนมีนาคม สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 และแนวโน้มขาขึ้นนับตั้งแต่จุดต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2021 ราคากำลังทำรูปแบบธงธงขาขึ้น ซึ่งการเบรคเอ้าท์ดาวไซด์ จะทำให้ขานึงหลุดแนวรับ ตรงข้ามกับการคาดการณ์ข้างต้น ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าน้ำมันจะไม่สามารถวิ่งกลับขึ้นไปอีกครั้งได้ อย่างไรก็ตาม หากมีการทะลุกลับของราคา ราคาจะทดสอบระดับสูงสุดอีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2008
สรุป
เราอยู่ในตลาดหมี ที่การลดลงถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้ม ในขณะที่การวิ่งขึ้นนั้นน่าระแวง อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่เก่งและมีวินัยมีโอกาสทำกำไรได้ในช่วงตลาดหมี ไม่ใช่แค่กับ short เท่านั้น ประเด็นคือ คุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตลาดจะเอาคืน นั่นเป็นเหตุผลที่วินัยเป็นสิ่งสำคัญ
ตลาดหมีได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ตามมาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่จะทำให้เกิดภาวะถดถอย เว้นแต่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นสูงสุด ก่อนเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น คอยติดตามข้อมูลเศรษฐกิจดังที่เราได้อธิบายไว้ข้างต้น
***
เนื่องด้วยสถานการณ์ตลาดในปัจจุบันนั้นยากที่จะทำให้เราตัดสินใจอย่างแม่นยำ ให้คำนึงถึงความท้าทายต่อไปนี้
ในการจัดการกับปัจจัยเหล่านี้ คุณต้องมีข้อมูลที่ดี เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการจัดเรียงข้อมูล และข้อมูลเชิงลึก คุณต้องนำอารมณ์ออกจากการลงทุนและมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยพื้นฐาน
โดยนักลงทุนสามารถใช้ตัวช่วยอย่าง InvestingPro+ ได้บนแอปพลิเคชั่น Investing ได้แล้ววันนี้