Investment Ideas:
SET แกว่งตัวในกรอบแคบ หลังผลการประชุม กนง. ตามคาด - SET วานนี้ ปิดที่ระดับ 1,636.89 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด (+0.30%) มูลค่าการซื้อขาย 57,188 ล้านบาท (สูงสุด 1,641.08 จุด ต่ําสุด 1,631.12 จุด) SET แกว่งตัวในกรอบแคบ เพื่อรอดูผลการประชุม กนง. ซึ่งออกมาตามที่คาด ทําให้การซื้อขาย ในช่วงบ่ายยังคงทรงตัว โดยมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ เป็นปัจจัยจํากัด Downside ของตลาด
ภาพรวมการลงทุนวันนี้: คาด SET ผันผวน Sideway ติดตามการประชุม ECB และรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,645 จุด คาด SET จะยังผันผวน เคลื่อนไหว Sideway เพื่อรอติดตามประเด็นสําคัญทั้ง (1) การประชุม ECB (9 มิ.ย.) เราคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ คาดว่าจะเริ่มส่งสัญญาณในการปรับขึ้นอัตราดอกเบียครั้งต่อไป และ (2) รายงานเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ของ สหรัฐฯ (10 มิ.ย.) ที่คาดว่าจะยังทรงตัวในระดับสูงที่ 8.25-8.3% เทียบกับ เดือน เม.ย. ที่ระดับ 8.3% ระยะ สั้น SET ยังมีความเสี่ยงกดดันจากความไม่แน่นอนของภาพรวมเศรษฐกิจ หลังเฟดแอตแลนตา รานงาน แบบจําลอง GDPNow Tracker ระบุ GDP สหรัฐฯ ในช่วง 2Q65 จะขยายตัวเพียง 0.9% หลังตัวเลข GDP ในช่วง 1Q65 หดตัว 1.5% รวมไปถึงการที่อัตราเงินเฟ้อ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับ เพิ่มขึ้น รวมไปถึง Sentiment เชิงลบ จากการคาดหมายว่า ธปท. จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบีย ในรอบการ ประชุมเดือน ส.ค. เพื่อลดแรงกดดันจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในต่างประเทศ และอัตราเงินเฟ้อที่ เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง กลยุทธ์การลงทุน คงหุ้นในพอร์ต 406-45% เน้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เปิดเมือง อาหาร Laggard play หุ้น Defensive และปันผลสูง - กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงน้ําหนักการลงทุนในหุ้น 40%-45% ของพอร์ต เราให้ น้ําหนักหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว (กลุ่มสนามบิน สายการบิน โรงแรม) เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS AAV MINT ERW SHR และ CENTEL หุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิด เมืองและเปิดประเทศ เราเลือก BH BDMS PTG SUSCO และ BEM หุ้นในกลุ่มอาหาร TUCPF GFPT TFG และ ASIAN หุ้นในกลุ่ม Laggard Play เลือก CK RATCH EGCO GPSC และ BGRIM หุ้นในกลุ่ม Defensive ที่มีความผันผวนต่ํา เลือก MAKRO CPALL (BK:CPALL) และ ADVANC หุ้นในกลุ่มประกัน เลือก TiPH และ BLA หุ้นปัน ผลสูง ตามพอร์ต Core Investment ของเรา ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงาน เราแนะนํา PTTEP ที่ยังคงได้ ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม โดยเราประเมินว่าราคาน้ํามันดิบยังมีโอกาสปรับเพิ่มต่อเนื่อง ในระยะสั้น จากภาวะอุปทานตึงตัว รวมไปถึงการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของทางการจีน และข้อตกลง นิวเคลียร์อิหร่าน ที่ยังไม่มีความคืบหน้า
กนง. มีมติตามคาด เชือการขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นปลายปี 65 - 5 ประเด็นที่ได้จากการประชุม กนง. (1) คณะกรรมการ กนง. มีมติ 4 ต่อ 3 เสียง คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% โดย 3 เสียงเห็นควรให้ขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps โดยคณะกรรมการเสียงส่วนใหญ่ประเมินว่าเศรษฐกิจในระยะต่อไปจะฟื้นตัว ได้อย่างต่อเนื่องตามคาด จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ (2) ปรับประมาณการ GDP ปี 2565 เพิ่มเป็น 3.3% (เดิม 3.2%) จากการบริโภคภายในประเทศที่ดีกว่าคาด พร้อมปรับสมมติฐาน จํานวนนักท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิม 5.6 ล้านคน เป็น 6 ล้านคน อย่างไรก็ตาม กนง. ปรับลด GDP ปี 2566 เหลือ 4.2% (เดิม 4.4%) จากฐานปี 2565 ที่สูงขึ้น (3) ปรับเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2565 เพิ่มเป็น 6.29% (เดิม 4.9%) และปี 2566 เพิ่มเป็น 2.5% (เดิม 1.76) และ (4) มุมมองต่อการดําเนินนโยบายการเงินผ่อนคลาย กนง. มีความเป็นว่าจําเป็นต้องลดน้ําหนัก โดยจะมีการพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายให้สอดคล้องกับแนวโน้มและความเสี่ยงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไป เรามี มุมมองเป็นกลาง (Neutral) ต่อผลการประชุมที่เป็นไปตามที่เราคาด โดยเรายังคงมุมมองเดิม โดยเราประเมิน ว่า หลังการรับรู้รายงาน GDP ในช่วง 2Q65 มีโอกาสที่ กนง. จะเริ่มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม รอบเดือน ส.ค. ประมาณ 25bps (เร็วกว่าที่เราประเมินไว้เดิม) เพื่อลด Spread Bond Yield ระหว่างอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ กับไทย และลดแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ โดยหลังจากนี้ กนง. จะเหลือการประชุมอีก 3 ครั้ง ในปี 2565 ได้แก่ 10 ส.ค. 28 ก.ย. และ 30 พ.ย.
• สัปดาห์นี้ติดตามรายงานเศรษฐกิจที่สําคัญสัปดาห์นี้ – 9 มิ.ย. : การประชุม ECB (เราคาดคง ECB จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมรอบเดือนนี้) และรายงานดุลการค้าของจีน (คาดเกินดุล 5.96 หมื่นล้าน เหรียญ) / 10 มิ.ย. : ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน เดือน พ.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 1.8%YoY เพิ่มขึ้นในอัตราที่ ลดลงจากเดือน เม.ย. ที่เพิ่มขึ้น 21%YoY) ดัชนีผู้ผลิต (PPI) ของจีน เดือน พ.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 7.7%YoY เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจากเดือน เม.ย. ที่เพิ่มขึ้น 8.0% YoY) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และ ดัชนีราคา ผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน พ.ค. ของสหรัฐฯ (คาด CPI เพิ่มขึ้น 0.7%MoM และเพิ่มขึ้น 8.3%YoY ทรงตัวจากเดอื่น พ.ค. และคาดว่า Core CPI เพิ่มขึ้น 0.5%MoM และเพิ่มขึ้น 5.9%YoY) ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนํา ได้แก่ @ MTC (แนวต้าน 52.75-54.50 / แนวรับ 48.25-46.5Q / Stop loss 44.00) # EA (แนวต้าน 94.25-98.00 / แนวรับ 88.75-86.25 / Stop loss 83.00) #6 BGRIM (แนวต้าน 37.00-19.00 / แนวรับ 34.25-33.00 / Stop loss 30.25)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities