🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

Sentiment จากตลาดต่างประเทศ กดดันต่อ

เผยแพร่ 19/05/2565 09:08
SETI
-
AOT
-
CPALL
-

ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลดลงมาแรง จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อระดับสูง ที่ นอกจากจะทำให้Fed ต้องใช้นโยบายการเงินเชิงรุก แล้วยังสร้างแรงกดดัน มายังผลประกอบการในบางกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างค้าปลีก เชื่อว่าน่าจะส่ง Sentiment เชิงลบมายังตลาดหุ้นบ้านเรา ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังยืนยันว่า ช่วงเวลา การปรับฐานของ SET Index ยังไม่จบ เนื่องจากปัจจัยหลักที่สร้างความกังวล อันได้แก่ สถานการณ์ รัสเซีย-ยูเครน ทั้งส่วนของการสู้รบและการคว่ำบาตร การค้า ยังคงอยู่ และถือเป็นต้นตอสำคัญของตัวเลขเงินเฟ้อที่จะอยู่ในระดับสูง ต่อเนื่องทั้งปี 2565 โดยตัวเลขเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาหลายประเทศยังสร้าง ตัวเลขสูงสุดในรอบหลาย 10 ปี ภาพรวมคาดว่า SET Index ยังปรับฐานต่อ

SET Index ยังปรับฐานต่อ กรอบการเคลื่อนไหว 1590 – 1620 จุด พอร์ต จำลองไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยให้ถือครองเงินสด 20% และให้ยกจุด Stop Profit ให้สูงขึ้น หุ้น Top Pick เลือก AOT (BK:AOT), BH และ TFG

สงครามยืดเยื้อ = เงินเฟ้อสูงยืดเยื้อ กดดันตลาดหุ้นปรับฐานอีกครั้ง

สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังดูยืดเยื้อ หลังสวีเดนและฟินแลนด์ยื่นใบสมัคร เข้าเป็นสมาชิก องค์การนาโตแล้ว โดยนายกฯ ของสวีเดน กล่าวว่า การยื่นใบสมัครร่วมกับฟินแลนด์ เป็นสัญญาณว่า เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันในอนาคต และการเป็นสมาชิกนาโตจะเพิ่มความ แข็งแกร่งด้านความมั่นคงให้สวีเดน ทางด้านรัสเซีย ตอบโต้ว่า การตัดสินใจของสวีเดน และฟินแลนด์เข้าร่วมนาโต เป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ โดยเตือนทั้ง 2 ประเทศว่า จะสูญเสียอธิปไตยไปบางส่วนจากการเข้าร่วมนาโต และรัสเซียจำเป็นต้องมีมาตรการ ตอบโต้เพื่อรักษาสมดุล

สถานการณ์ รัสเซีย-ยูเครน ที่ร้อนแรง และยืดเยื้อ เชื่อว่าจะส่งผลต่อเนื่องทำให้ภาวะเงิน เฟ้อยังคงสูงในช่วงเวลาที่เหลือของปี โดยเดือน เม.ย.65 ที่ผ่านมาพบว่าเงินเฟ้อหลาย ประเทศยังน่ากังวล เริ่มจากสหรัฐฯที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน เม.ย. อยู่ที่ 8.3%YoY ต่อมา ด้วยอังกฤษอยู่ที่ 9%YoY และล่าสุดเงินเฟ้อยุโรปประกาศออกมาอยู่ที่ 7.4%YoY ขณะที่ ประเทศไทยอยู่ที่ 4.65%YoY ดังรูปด้านล่าง ซึ่งสถานการณ์เงินเฟ้อดังกล่าว กดดันให้ ธนาคารกลางของแต่ละประเทศจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินตึงตัวเพื่อลดความร้อนแรง ของตัวเลขเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอยางยิ่งประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้ว ซึ่งล่าสุด ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเท่าที่ จำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยตลาดคาดว่าเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายปลายปีว่าจะอยู่ ในช่วง 2.5 – 3.5% ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละค่าย

เหตุปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้วานนี้ตลาดหุ้นปรับฐานแรงโดยสหรัฐฯปรับตัวลง 3.5-5% โดยนักลงทุนกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐขยายวงกว้างมากระทบต่อผลประกอบการ ของบริษัทค้าปลีก หลังบริษัท Target Corp เปิดเผย EPS 1Q65 ออกมา 2.19 ดอลลาร์/ หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 3.07 ดอลลาร์/หุ้น เนื่องจากผลกระทบของปัญหา ห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าขนส่งที่สูงขึ้น กดดันราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 24.9%

โดยรวมทั้ง 2 ปัจจัยความเสี่ยงยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และกดดัน สินทรัพย์เสี่ยงผันผวน ส่วนวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index อยู่ที่ 1590-1620 จุด

วันนี้หุ้นค้าปลีกไทย มีโอกาสผันผวนจากความกังวลเงินเฟ้อตามสหรัฐฯ

ฝ่ายวิจัยมองว่าการปรับตัวลงดัชนีS&P500 วันนี้ ซึ่งนำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก จากความ กังวลเรื่องเศรษฐกิจ เงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของค่าขนส่ง อาจมี sentiment ของเชิงลบต่อราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกในไทยในวันนี้

ทั้งนี้แม้ในเชิงปัจจัยพื้นฐานจะยังเชื่อว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เราศึกษา คือ CPALL (BK:CPALL), MAKRO, CRC, HMPRO อาจได้ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า เงินเฟ้อ รวมทั้งค่าขนส่งที่สูง ขึ้นอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแต่ละบริษัทยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยมีกำไรในงวด 1Q65 รวมกัน 8.2 พันล้านบาท ยังเติบโต 34% YoY และกำไรในช่วงที่เหลือของปี 2565 ยังมีแนวโน้มที่ดีเพราะคาดว่าจะได้แรงหนุนจาก 1) ปัจจัยบวกจากเรื่องการเปิด เมือง การเปิดโรงเรียน และการกลับเข้าทำงานในออฟฟิสตามปกติ สนับสนุนให้มีการ จับจ่ายมากขึ้น, 2) แต่ละบริษัท ต่างมีนโยบายปรับตัวรับมือกับปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้น เพื่อกระตุ้นยอดขายและรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross margin) โดย CPALL และ HMPRO ได้ทยอยปรับราคาสินค้าขึ้นบ้างแล้ว ตั้งแต่งวด 1Q65 และมีแนวทางอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น CPALL ลดการจัดโปรโมชั่นลงจากที่ช่วงโควิดระบาด เพิ่มสินค้า Personal care ชิ้นเล็ก (มาร์จิ้นสูง) , MAKRO ก็ลดการจัดโปรโมชั่นลงเช่นกัน, CRC ซึ่งเริ่มปรับ ราคาสินค้าตั้งแต่ เม.ย 65 ที่ผ่านมา และสินค้าแฟชั่นที่มีมาร์จิ้นสูงยังมีการเติบโตที่ดี ส่วน HMPRO ยังพยายามเพิ่มสินค้า Private brand (มาร์จิ้นสูง) ให้มีสัดส่วนมากขึ้น และ 3) ค่าขนส่ง/ยอดขาย ของแต่ละบริษัทยังมีสัดส่วนน้อย ในระดับ 1% - 3% เท่านั้น

เบื้องต้นหุ้นกลุ่มค้าปลีกอาจมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอก แต่ในทาง ปัจจัยพื้นฐานยังคงแนะนำซื้อ CPALL, CRC, MAKRO, HMPRO โดยมี CPALL และ CRC เป็น top pick โดยช่วงเวลาที่เกิด Panic Sell อาจเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น เพื่อถือลงทุนระยะยาว

กำไร 1Q65 2.74 แสนล้านบาท อยู่ในระดับที่ดี... ส่วน 2Q65 ติดตามผลกระทบจาก เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

ล่าสุดบริษัทจดทะเบียนรายงานกำไรงวด 1Q65 ออกมา 618 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน Market Cap. 95% ของบริษัททั้งหมดในตลาด มีกำไรรวมกันอยู่ที่ 2.74 แสนล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 26% ของประมาณการทั้งปี) และเมื่อเทียบกับกำไรทุกบริษัทในช่วง เดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 9.5%yoy ลดลงเล็กน้อยเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน - 1.2%qoq

หากลงรายละเอียดเป็น Sector พบว่า กลุ่มที่มีกำไรเติบโตเด่น แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม หลักๆ

1. หุ้นพลังงาน ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ยืนระดับสูงกว่าปกติอาทิ TOP, BANPU, GULF ฯลฯ

2. หุ้นเปิดเมืองต่างๆ คือ กลุ่มธ.พ., กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอสังหาฯ, กลุ่มการแพทย์ และกลุ่มขนส่ง ได้แรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นขึ้นตามลำดับ อาทิ KTB KKP, CRC CPALL BJC, AP SPALI, BDMS BH, AOT ฯลฯ

3. หุ้นส่งออก อาทิ กลุ่มอาหาร, กลุ่มเกษตร, กลุ่มชิ้นส่วนฯ ได้แรงหนุนจากค่าเงิน บาทอ่อนค่า พร้อมกับราคาสินค้าต่างๆ ที่ทยอยปรับขึ้น อาทิ BR SAPPE, GFPT NER , KCE SVI ฯลฯ

แม้ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ยังผันผวน แต่ภาพรวมบริษัทจดทะเบียนยังปรับตัว และ รับมือได้ หนุนผลประกอบการงวด 1Q65 ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและหากไปมองดู ประมาณการกำไรทั้งปีจาก Bloomberg Consensus ยังไม่เห็นสัญญาณในการ ปรับประมาณการกำไรลง เช่นเดียวกับฝ่ายวิจัย ASPS ที่ประเมินกำไร 2565F ที่ 1.04 แสนล้านบาท คิดเป็น EPS65F 88.9 บาท/หุ้น ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณผ่อน คลายต่อตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตามนักลงทุนเริ่มกลับมากังวลต่อการเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ สะท้อนจากหุ้นค้า ปลีกสหรัฐที่ปรับตัวลงแรงในวานนี้ซึ่งไทยเราเองเริ่มเห็นตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และล่าสุดเงินเฟ้อไทยเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.65% หากยืดเยื้ออาจกระทบต่อต้นทุน ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกที่ล่าสุดมีสัดส่วน Market Cap. 10.5% ของหุ้นทั้งหมดในตลาด มากสุดเป็นอันดับ 2 ของตลาด รวมถึง กำไร 1Q65 มากสุดเป็นอันดับ 4 ของตลาด และอาจนำไปสู่การปรับประมาณการกำไร ลง สร้างความผันผวนให้กับตลาดได้ โดยการปรับตัวลดลงของกลุ่ม COMM ทุกๆ 1% จะกดดัน SET Index ปรับตัวลดลงถึง 1.7 จุดได้

ส่วนวันนี้คาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของ SET 1590 – 1620 จุด กลยุทธ์การ ลงทุนในยามตลาดหุ้นผันผวน แนะนำปรับจุดล็อคกำไรของหุ้นในพอร์ตสูงขึ้น ส่วน หุ้น Top pick เลือกหุ้นผันผวนต่ำ BH, AOT และ TFG ได้แรงหนุนจากราคา เนื้อสัตว์ยืนระดับสูง

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย