เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในรอบกว่าสองทศวรรษ โดยขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดเบสิส ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพากันเทขายหุ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
จากนั้นในวันที่ 11 พฤษภาคม ตลาดลงทุนต้องเจอกับความผันผวนต่อ เมื่อกระทรวงแรงงงานสหรัฐฯ ได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนเมษายน ซึ่งตัวเลขที่ออกมานั้นอยู่ที่ 8.3% ลดลงจาก 8.5% ในเดือนที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ตอนนี้นักวิเคราะห์กำลังถกเถียงกันว่าเฟดสามารถหยุดเงินเฟ้อครั้งนี้ได้หรือไม่โดยไม่ เพราะความยากคือเฟดต้องหยุดยั้งเงินเฟ้อโดยไม่ให้เกิดภาวะเศราฐกิจถดถอย
นับตั้งแต่ต้นปี ดัชนีส่วนใหญ่และหุ้นสายเติบโตต้องเผชิญกับแรงกดดันขาลงเป็นอย่างมาก หุ้นเทคโนโลยีทางการเงิน (fintech) และสินทรัพย์ดิจิทัลก็ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ดัชนี KBW Nasdaq Financial Technology Index ได้ปรับตัวลดลง 28.7% มาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) เช่นเดียวกัน ดัชนี NASDAQ 100 ได้ปรับตัวลดลง 26.6% นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างพากันออกจากตลาด นำเงินทุนของตนเองไปหลบอยู่ในสินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง
ในขณะที่เราเขียนบทความนี้อยู่ มูลค่าราคาตลาดของสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกได้ลดลงต่ำกว่า 1.4 ล้านล้านเหรียญ ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน สกุลเงินดิจิทัลชื่อดังอย่างบิทคอยน์และอีเธอเรียมได้เสียมูลค่าไปแล้วกว่าหนึ่งในสามของมาร์เก็ตแคปทั้งหมด
ขาลงดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนรายย่อย อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตยังหมายถึงโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นฟินเทคและสินทรัพย์ดิจิทัล และกองทุน ETF ที่เป็นการรวมหุ้นของบริษัทที่มีความเฉพาะเจาะจง สามารถให้การเข้าถึงสินทรัพย์เสี่ยงเหล่านี้ได้ ดังนั้นบทความในวันนี้จึงจะแนะนำกองทุนที่ควรได้รับความสนใจหากคิดจะลงทุนให้โลกฟินเทคฯ และคริปโตฯ
1. ARK Fintech Innovation ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $15.64
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $15.63- $55.28
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.75% ต่อปี
กองทุนตัวแรกเป็นกองทุนของเคธี่ วูดอันมีชื่อว่า ARK Fintech Innovation ETF (NYSE:ARKF) เป็นกองทุนที่เน้นการเติบโตของเงินทุนในระยะยาว ด้วยการลงทุนในบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงิน ที่พัฒนาเทคโนโลยีซึ่งจะมาเปลี่ยนแปลงโลกการเงิน บริษัทเหล่านี้ได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในโลกการเงินทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเชน ระบบเครือข่ายเงินทุน หรือแพลตฟอร์มรองรับการทำธุรกรรม
ARKF เปิดให้ลงทุนครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 ปัจจุบันถือครองหุ้นทั้งหมด 30 ตัว เมื่อพิจารณาแยกการถือครองหุ้นออกเป็นส่วนๆ จะพบว่า ARKF ลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อข้อมูลข่าวสารมากที่สุด 44.4% ตามมาด้วยกลุ่มการเงิน 28.8% และสินค้าอุปโภคบริโภค 12.2%
หุ้นชื่อดัง 10 อันดับแรกของกองทุนคิดเป็นมูลค่าสองในสามของสินทรัพย์รวมในกองทุนทั้งหมด $1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองเอาไว้ได้แก่ Block (NYSE:SQ) Shopify (NYSE:SHOP) Coinbase Global (NASDAQ:COIN) Twilio (NYSE:TWLO) และ Mercadolibre (NASDAQ:MELI)
ARKF ได้ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้เมื่อวันที่ 7 กันยายนปี 2021 แต่หลังจากนั้นก็ถูกเทขายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ARKF ปรับตัวลดลงมาแล้วมากกว่า 61.7% และภายในกรอบเวลา 52 สัปดาห์ล่าสุด ARKF ได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 66.7%
แม้ว่าตอนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หุ้นฟินเทคฯ และสินทรัพย์เสี่ยงจะถูกเทขายอย่างหนัก แต่งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้พูดถึงมูลค่าของตลาดฟินเทคฯ เอาไว้ว่าภายในกรอบเวลาระหว่างปี 2022 - 2027 อัตราการเติบโตรายปีของตลาดฟินเทคฯ จะปรับตัวขึ้นประมาณ 25.18% ซึ่งจะมีมูลค่ารวมทั้งหมด $324,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2026
ดังนั้น นักลงทุนที่ยังคงมีศรัทธาในฟินเทคฯ หรือตลาดสกุลเงินดิจิทัลในระยะยาว สามารถพิจารณาซื้อและถือกองทุน ARKF ในระยะยาวได้
2. Invesco Alerian Galaxy Crypto Economy ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $9.47
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $9.58 - $35.24
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.29%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.60% ต่อปี
การปรับตัวของมนุษยชาติมาเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างจริงในช่วงที่โควิดกำลังระบาด สินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่มีการพูดถึงเป็นอย่างมาก จนตอนนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไปแล้วคือสกุลเงินดิจิทัล แม้ว่าตอนนี้หน่วยงานรัฐพยายามที่จะหาทางจัดการจัดระเบียบให้กับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่สถาบันการเงินหลายแห่ง นักลงทุนหลายคนก็มีสกุลเงินดิจิทัลเอาไว้ในพอร์ตลงทุนของตัวเองแล้ว นั่นจึงเป็นที่มาของกองทุนที่สองของเรา ซึ่งมีชื่อว่า Invesco Alerian Galaxy Crypto Economy ETF (NYSE:SATO) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเป็นหลัก
SATO เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2021 มีสินทรัพย์รวมทั้งหมด $5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดัง 10 อันดับแรกของกองทุนคิดเป็นมูลค่า 40% ของสินทรัพย์ทั้งหมด Grayscale Bitcoin Trust (OTC:GBTC) มีสัดส่วนการถือครองมากที่สุด 16.2% ตามมาด้วย Eqonex (NASDAQ:EQOS) Argo Blockchain (LON:ARB) Bitcoin Group (H:ADE) และ Silvergate Capital (NYSE:SI)
เมื่อพิจารณาแบ่งการถือครองหุ้นบริษัทออกเป็นสัดส่วนจะพบว่า SATO ถือครองหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อข้อมูลข่าวสารมากที่สุด 60.6% บริษัทด้านการลงทุน 16.2% การเงิน 15.8% มากการครึ่งหนึ่งของหุ้นเป็นบริษัทในสหรัฐฯ และแคนาดา 13.4% และประเทศจีน 12.3%
อย่างไรก็ตาม เพราะ SATO เป็นกองทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยี จึงต้องเผชิญชะตากรรมไม่ต่างจากกองทุนเทคฯ อื่นๆ ที่ปรับตัวลดลง ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน SATO ปรับตัวลดลงมาแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังคงมุ่งหน้าสร้างจุดต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนที่ศรัทธาในโลกคริปโตฯ แต่ไม่ต้องการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง สามารถพิจารณาลงทุนกับ SATO ได้