หากพิจารณาราคาหุ้นของกลุ่ม “5 เทพหุ้นเทคฯ” (FAANG) ตั้งแต่ต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน จะพบว่าหุ้นบริษัทเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) ผู้ให้บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งชื่อดังคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมากที่สุด หลังจากสร้างจุดสูงสุดที่ $692 ไปเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน หลังจากนั้นหุ้นเน็ตฟลิกซ์ก็สะกดคำว่าขาขึ้นไม่เป็นอีกเลย ความสุขที่เคยได้รับในช่วงที่โลกต้องเผชิญกับโรคระบาดดูเหมือนจะจบลงตั้งแต่จุดสูงสุดนั้นเป็นต้นมา
หากวัดจากจุดสูงสุดดังกล่าวในเดือนพฤศจิกายนลงมาจนถึงปัจจุบัน จะพบว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์ร่วงลงมาแล้ว 51% มีราคาซื้อขายหุ้นล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $341.76 ลางร้ายของเน็ตฟลิกซ์ปรากฎขึ้นตั้งแต่วันที่รายงานผลประกอบการครั้งล่าสุด เฉพาะวันนั้นหุ้นเน็ตฟลิกซ์ก็ร่วงลงภายในวันเดียว 20% ขานรับข้อมูลคาดการณ์อัตราการเติบโตที่แย่กว่าคาด หลังจากนั้นหุ้นเน็ตฟลิกซ์ก็ร่วงลงต่อเพราะการย้ายไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่น ลดความเสี่ยงจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ขาลงที่ลากยาวมาตลอดเกือบสี่เดือนนำมาสู่คำถามที่ว่า ตอนนี้หุ้นเน็ตฟลิกซ์ถูกเทขายมานานเกินไปแล้ว และถึงเวลาที่ควรกลับตัวแล้วหรือไม่?
ธุรกิจสตรีมมิ่งไม่ใ่ช่เรื่องใหม่อีกต่อไป
ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 เน็ตฟลิกซ์ยอมรับกับผู้ถือหุ้นตรงๆ ว่าอัตราการเติบโตของยอดผู้สมัครตอนนี้ยังไม่สามารถกลับไปเร่งตัวขึ้นได้อย่างช่วงก่อนที่โควิดจะระบาด นอกจากนี้ ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของหุ้นเน็ตฟลิกซ์อย่างเช่นการอ่อนค่าของสกุลเงินในแถบลาตินอเมริกา ที่ทำให้ยอดค่าคงสมาชิกเน็ตฟลิกซ์มีราคาแพงขึ้น
ถัดมาในเดือนมกราคมปี 2022 เน็ตฟลิกซ์ได้มีการเปิดเผยข้อมูลตัวเลขคาดการณ์ยอดผู้สมัครสมาชิกว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านคน เทียบกับข้อมูลคาดการณ์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่เคยบอกว่าจะออกมาอยู่ที่ 4 ล้านคน อันที่จริง ข้อมูลในส่วนนี้ของไตรมาสก่อนหน้าก็ไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ จากที่ควรจะมียอดสมัครสมาชิก 8.5 ล้านคน เน็ตฟลิกซ์กลับสามารถทำได้เพียง 8.3 ล้านคนเท่านั้น
สาเหตุที่เน็ตฟลิกซ์ไม่อาจจะกลับไปทำยอดผู้สมัครสมาชิกให้เติบโตได้แบบช่วงก่อนโควิดแล้ว เป็นเพราะในปัจจุบันธุรกิจภาพยนตร์สตรีมมิ่งไม่ใช่สิ่งใหม่ และไม่ใช่สิ่งที่เน็ตฟลิกซ์ครองตลาดได้เพียงเจ้าเดียวอีกต่อไป ปัจจุบันผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย ไม่ต้องนับระดับภูมิภาค หากมองเฉพาะบริษัทใหญ่ก็จะเห็นว่าเน็ตฟลิกซ์มีคู่แข่งคนสำคัญคือดิสนีย์ (NYSE:DIS) ที่มีบริการอย่างดิสนีย์พลัส ซึ่งเต็มไปด้วยซีรีส์ ภาพยนตร์ ระดับตำนานมากมาย
ที่มา: Investing.com
จึงไม่แปลกใจที่สภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ประกอบกับการแข่งขันที่ดุเดือดจะทำให้นักวิเคราะห์ Investing.com 20 จาก 43 คนให้ความเห็นว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์อยู่ในระดับที่ “กลางๆ” หรือไม่ก็ “ควรขาย” อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมองว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีก 49.33% จากราคาในปัจจุบัน ภายในระยะเวลา 12 เดือน
ตอนนี้นักวิเคราะห์ได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝั่งหนึ่งยังคงสนับสนุนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ต่อไป ในขณะที่อีกฝ่ายมองว่าอุปวรรคที่เน็ตฟลิกซ์ต้องเจอนั้นจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ Tim Nollen นักวิเคราะห์จาก Macquarie เขียนในรายงานของบลูมเบิร์กว่า
“การแข่งขันของธุรกิจภาพยนตร์สตรีมมิ่งจะยิ่งทวีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ และจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเน็ตฟลิกซ์ในอนาคต ดังนั้นผมจึงขอดาวน์เกรดหุ้นเน็ตฟลิกซ์ลง จากภาพในอนาคตที่ไม่ชัดเจน และรายงานอัตราการเติบโตของยอดผู้สมัครสมาชิกที่น่าผิดหวัง”
ธนาคารเวลล์ ฟาร์โก ยังเชื่อว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์มีโอกาสฟื้นตัวกลับมาได้ เพียงแต่ผู้ถือหุ้นอาจจะจำเป็นต้องมีความอดทนในระยะยาว
“เน็ตฟลิกซ์มียอดผู้สมัครสมาชิกทั่วโลกมากกว่า 200 ล้านคน สิ่งนี้คือจุดแข็งที่ยังไม่มีผู้ให้บริการสตรีมมิ่งเจ้าไหนสู้ได้ เราเชื่อว่าเน็ตฟลิกซ์จะได้ผู้สมัครสมาชิกเพิ่มอีก 100 ล้านคนภายในอีกห้าปีข้างหน้า และจะมีสมาชิกที่ชำระค่าบริการรวมทั้งหมด 380 ล้านคนภายในปี 2030 ที่สำคัญ การลงทุนทำภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่มีคุณภาพก็สามารถทำให้คอนเทนต์ของเน็ตฟลิกซ์เป็นที่พูดถึงอยู่ตลอดทุกปี”
โดยสรุปแล้ว
จริงอยู่ว่าอุปสรรคมากมายที่รายล้อมเน็ตฟลิกซ์อยู่นั้นไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่การที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์ร่วงลงมาขนาดนี้ทำให้มูลค่าของหุ้นไม่ได้อยู่ในระดับไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป ในความเห็นของเรา หุ้นเน็ตฟลิกซ์ที่ระดับราคาปัจจุบันถือเป็นจุดเข้าซื้อที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว