ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ปรับตัวลดลงจากการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่เกิดจากความกลัวว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับนโยบายการเงินให้ตึงตัวมากขึ้น
หลังจากนั้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกลับสามารถปรับตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย สาเหตุเป็นเพราะสงครามระหว่างรัสเซียยูเครน ที่ทำให้เห็นแล้วว่านอกจากการโจมตีด้วยอาวุธ การโจมตีผ่านโลกไซเบอร์ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในสงครามนี้เช่นกัน มีรายงานการโจมตีด้วยมัลแวร์บนเว็บไซต์ของรัฐบาลยูเครน และสถาบันการเงินสองสามแห่ง
เมื่อนักลงทุนกลับมาเห็นความสำคัญของเทคโนโลยี จึงทำให้ราคาหุ้นและกองทุนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบางส่วนฟื้นตัวกลับมา ยกตัวอย่างเช่นกองทุน ETF นามว่า First Trust NASDAQ Cybersecurity ETF (NASDAQ:CIBR) เป็นตัวอย่างที่สำคัญของแนวโน้มขาขึ้นล่าสุด แม้ว่า ETF ตัวนี้จะลดลง 4.4% มาตั้งแต่ต้นปี 2022 แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนที่มากกว่าดัชนี NASDAQ 100 ที่ปรับตัวลดลงไปแล้ว 14.2% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนยังคงทวีความรุนแรงขึ้น ในขณะที่พันธมิตรของสหรัฐฯ และยุโรปตอบโต้รัสเซียด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพิ่มความเป็นไปได้ในการโจมตีทางไซเบอร์ก็เพิ่มมากขึ้น ด้วยสาเหตุนี้ ผู้คนจะให้ความสำคัญกับการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น ดังนั้น เราจึงได้คัดหุ้นรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์สามตัว ซึ่งควรค่าแก่การพิจารณามาให้คุณผู้อ่านในบทความนี้
1. CrowdStrike Holdings
- พฤติกรรมการวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -3.5%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $45,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
CrowdStrike Holdings, Inc. (NASDAQ:CRWD) มีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำหากพูดถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์บนระบบคลาวด์ บริษัทให้บริการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ การรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน ระบบป้องกันข้อมูลจากภัยคุกคามขั้นสูง และบริการตอบสนองการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อน
CrowdStrike ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ จากการลงทุนไซเบอร์ทั่วโลก ที่คาดว่าบริษัทเอกชนและรัฐบาลจะให้ความสนใจมากขึ้น เมื่อพวกเขามีความเสี่ยงต้องเจอกับภัยคุกคามความปลอดภัยทางดิจิทัลมากขึ้น และอาจกลายเป็นเป้าถูกโจมตีทางไซเบอร์จากสงครามในปัจจุบันเมื่อไหร่ก็ได้ CrowdStrike เคยมีส่วนร่วมในการสืบสวนการโจมตีทางไซเบอร์ ที่มีชื่อเสียงหลายครั้งในอดีต รวมถึงการเปิดเผยกิจกรรมของกลุ่มแฮ็กเกอร์ ที่เชื่อมโยงกับสหพันธรัฐรัสเซีย
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นักวิเคราะห์ 27 คนจาก 31 คนจาก Investing.com จะมีความเชื่อมั่นกับหุ้น CRWD โดยคาดการณ์ว่าราคาหุ้นตัวนี้จะเพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า หรือคิดเป็นระดับราคา $276.47 ต่อหุ้น
ที่มา: Investing.com
CrowdStrike เป็นหนึ่งในบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 จากลูกค้าผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หุ้น CRWD สามารถสร้างจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 298.48 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ราคาหุ้น CRWD ได้ปรับตัวลดลง 3.5% จากต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน ร่วงลงอย่างรวดเร็วสู่จุดต่ำสุดที่ 150.02 ดอลลาร์ในวันที่ 24 มกราคม 2022 หลังจากนั้น หุ้นของบริษัทสามารถฟื้นตัวกลับมา โดยมีราคาปิดที่ 197.64 ดอลลาร์ในวันอังคาร แต่ยังวิ่งอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลประมาณ 34% 
บริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในวันพุธที่ 9 มีนาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้ CrowdStrike จะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 55% YoY หรือคิดเป็นมูลค่า $410.9 ล้านเหรียญสหรัฐ มีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 53.8% จากปีที่แล้ว หรือคิดเป็น $0.20 ต่อหุ้น
2. Okta
- พฤติกรรมการวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -17.8%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $28,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
Okta, Inc. (NASDAQ:OKTA) ได้รับการยกย่องว่าเป็นบริษัทที่เก่งในเรื่องของการหาที่ที่ตัวเองจะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีพันธกิจในการช่วยให้ธุรกิจและองค์กรทั่วโลกจัดการและรักษาความปลอดภัยได้โดยการตรวจสอบจากผู้ใช้เอง นอกจากนี้ Okta ยังให้บริการซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์ที่ช่วยให้บริษัทสามารถมีระบบจัดการและสามารถรักษาความปลอดภัย มีการตรวจสอบผู้ใช้ในแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ บริการเว็บ และอุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ เราเชื่อว่าบริษัทเทคโนโลยี Okta จะเป็นตัวเลือกที่ดีในอนาคต ความเสี่ยงภัยคุกคามของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน จะทำให้คนพิจารณาจากความต้องการเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ราคาหุ้น Okta เคยปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากความต้องการแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามในปี 2022 หุ้นของ Okta ได้ปรับตัวลดลงเกือบ 18% YoY เนื่องจากการเปลี่ยนไปลงทุนในหุ้นกลุ่มวัฐจักร แทนที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพราะมีการเติบโตที่สูงเกินไป
หุ้น OKTA มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $184.14 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาล $294.00 คิดเป็น 37% ในรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดในช่วงต้นเดือนธันวาคม บริษัทสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ไปได้อย่างง่ายดาย และคาดว่าจะทำเช่นนั้นได้อีกในรายงานผลประกอบการวันนี้ หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
ผลสำรวจจากนักวิเคราะห์ Investing.com 31 คนพบว่า 24 คนยังจัดอันดับหุ้นตัวนี้เอาไว้ในระดับ “โดดเด่น” ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นอีก 47% เป็น $271.13 จากระดับราคาในปัจจุบัน
ที่มา: Investing.com
3. SentinelOne
- พฤติกรรมการวิ่งของหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: -16.8%
- มูลค่าตามราคาตลาด: $11,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดว่าหุ้นของบริษัท SentinelOne, Inc. (NYSE:S) ที่ได้ชื่อว่าเปิดตัวซื้อขาย IPO ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ จะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า สาเหตุที่เชื่อเช่นนั้นเพราะคาดการณ์ว่าบริษัทจะประโยชน์จากการลงทุนด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพิ่มขึ้น ท่ามกลางการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีอัตราเร่งตัวเพิ่มอย่างรวดเร็ว
ซอฟต์แวร์ของบริษัท SentinelOne มีความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นสูง ใช้การเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจจับมัลแวร์บนแล็ปท็อป โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ปลายทางอื่นๆ ที่เข้าถึงเครือข่ายขององค์กร SentinelOne สร้างชื่อให้กับตัวเองเมื่อเป็นผู้วางระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องลูกค้าให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเช่น AT&T (NYSE:T) JetBlue Airways (NASDAQ:JBLU) และ SolarWinds (NYSE:SWI) ในเดือนธันวาคม 2020
ราคาหุ้นของ SentinelOne มีราคาปิดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $42.02 เคยลงไปทำจุดต่ำสุดตลอดกาลที่ $31.83 ในวันวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่ต้นปี 2022 จนถึงปัจจุบัน หุ้นของ SentinelOne ได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 17% และถ้าวัดจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $78.53 จะพบว่าหุ้นของ SentinelOne วิ่งลงมาแล้วทั้งหมด 46.5%
บริษัท SentinelOne จะรายงานผลประกอบการแบบปีงบประมาณของไตรมาสที่ 3 ในวันอังคารที่ 15 มีนาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์เชื่อว่าในรายงานผลประกอบการครั้งนี้ บริษัทจะสามารถทำกำไรได้ $60.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.18
หลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดไปเมื่อเดือนธันวาคม หุ้นของ SentinelOne ได้ปรับตัวลดลงแม้ว่าบริษัทจะรายงานตัวเลขกำไรและรายได้ที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะได้รับผลกระทบจากการเทขายหุ้นเทคฯ และมีค่า P/E ที่ถูกประเมินออกมาว่าสูงเกินไปจนไม่สามารถทำกำไรได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Investing.com ยังเชื่อว่าหุ้นตัวนี้ยังมีโอกาสที่จะขึ้นได้อีก 52% จากระดับราคาปัจจุบันภายใน 12 เดือนข้างหน้า คิดเป็นราคาเป้าหมายอยู่ที่ $64.00
ที่มา: Investing.com