และแล้วสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ และยุโรปได้เตือนมาตลอดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2021 ก็ได้เกิดขึ้นแล้ววันนี้…การเปิดฉากรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบโดยรัสเซีย
เมื่อการรุกรานเปิดฉากขึ้น นักลงทุนจึงเริ่มต้นสานต่อหาคำตอบที่เคยถามไว้แต่ยังไม่ได้คำตอบเสียที นั่นก็คือเมื่อการคุกคามเริ่มต้นขึ้นแล้ว สถานการณ์การส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังยุโรปจะเป้นอย่างไรต่อไป เมื่อยุโรปเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะทำการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียหากเข้ารุกรานยูเครนจริงๆ
ทันทีที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินประกาศให้กองกำลังพิเศษสามารถออกปฏิบัติการในพื้นที่โดยอ้างว่าทำไปเพื่อ “ปลดอาวุธ” ของประเทศยูเครนนั้น ได้ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติล่วงหน้า ณ ท่าเรือเฮนรี่ปรับตัวขึ้นทันที 6% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 4.85 ต่อหน่วย
เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดภาวะสงครามขึ้น นอกจากก๊าซธรรมชาติและทองคำแล้ว ปาร์ตี้ขาขึ้นนี้จะขาดราคาน้ำมันไปไม่ได้ เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบ นำโดยเบรนท์ปรับตัวขึ้นประมาณ 6% ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือ $100 ต่อบาร์เรลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 เพราะรัสเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกพลังงานเบอร์ต้นๆ ของโลก
คำถามที่นักลงทุนอยากทราบในตอนนี้ก็คือขาขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติที่ท่าเรือเฮนรี่ในสัปดาห์นี้จะไปสร้างจุดสูงสุดอยู่ที่ไหน? นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างคิดกันไปต่างๆ นาๆ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญของเรานาย Sunil Kumar Dixit จาก skcharting.com ก็ยังเชื่อว่าถ้าราคาก๊าซธรรมชาติสามารถขึ้นไปอยู่เหนือ $4.92 ก็เตรียมเห็นราคาขึ้นไปสู่ $5.05 และ $5.40 ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ายุโรปตัดสินใจเพิ่มการนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ มาสำรองเอาไว้เพื่อความเสี่ยงสงคราม ที่อาจจะลามมาถึงยุโรป ราคาก๊าซธรรมชาติก็อาจจะทะยานขึ้นไปอยู่ระหว่าง $7-$8 ได้ นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าอย่างนั้น ศูนย์กลางของความคัดแย้งทางความคิดที่มีต่อราคาก๊าซธรรมชาติล้วนแล้วแต่มาจากการประกาศคว่ำบาตรรัสเซียจากชาติตะวันตก และในอนาคตอันใกล้ยังจะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาอีกเรื่อยๆ หากว่ารัสเซียยังไม่ยอมหยุด
เฉพาะในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ และยุโรปบางประเทศก็เริ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียแล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเมื่อวันอังคารห้ามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำธุรกรรมการเงินกับสองธนาคารใหญ่ในรัสเซีย และยังได้ห้ามบุคคลระดับสูงบางคนจากรัสเซียเข้าประเทศ รวมไปถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียด้วย ตามมาติดๆ คือเยอรมันที่ผู้นำคนใหม่โอลัฟ ช็อลทซ์ ประกาศไม่ให้มีการใช้งานท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 ซึ่งส่งพลังงานตรงมาจากรัสเซีย
ถึงแม้ว่าการกระทำนี้อาจจะดูรุนแรงในสายตาของคนทั่วไป แต่เยอรมันก็ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจระงับการใช้ท่อส่งพลังงาน Nord Stream 1 และ Yamal อยู่ดี จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าการกระทำของเยอรมันนั้นมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน หรือจริงๆ แล้วก็ยังยอมรับอยู่ว่าไม่สามารถยอมตัดขาดกับรัสเซียได้จริงๆ
รัสเซียคุ้มหรือไม่กับการตัดสินใจเปิดฉากทำสงครามในปี 2022
นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่ารัสเซียทราบดีว่าหากตัดสินใจจุดไฟสงครามนี้ขึ้นมา เพื่อเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ปูตินใช้เวลานานกว่าสามเดือนในการปิดล้อมยูเครน และหยั่งเชิงดูสถานการณ์จากฝั่งตะวันตก เมื่อตัดสินใจแล้วว่าการได้ยูเครนถือว่าคุ้มค่าเมื่อต้องแลกกับการคว่ำบาตรจากตะวันตก พวกเขาจึงตัดสินใจบุกยูเครนเมื่อวานนี้
อลัน บิตตี้ นักวิเคราะห์จาก Financial Times แสดงความเห็นว่า
“การที่รัสเซียกล้าเปิดสงครามทั้งๆ ที่เศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวจากโรคระบาดดีนัก พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้กลัวผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะตามมา แน่นอนว่า รัสเซียมีความไม่พอใจในเรื่องมาตรฐานการครองชีพที่ต้องหยุดชะงักไปเพราะสงคราม แต่ดูเหมือนว่าความเสียหายนั้นจะไม่อยู่ในระดับที่คุกคามอำนาจของปูตินโดยตรงหรืออำนาจทางการทหารของเขาเลย”
Sindre Knutsson หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดก๊าซธรรมชาติที่ Rystad Energy วิเคราะห์สถานการณ์ของราคาพลังงานว่า
“นอกจากท่าเรือส่งพลังงานของสหรัฐฯ แล้ว ที่เนเธอร์แลนด์ ก็ปรับตัวขึ้นจากความเสี่ยงเรื่องการขาดแคลนพลังงานด้วยเช่นกัน อันที่จริงราคาพลังงานที่นั่นปรับตัวขึ้นอ่อนๆ เพราะเรื่องรัสเซียยูเครนมาตลอดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ยุโรปจำเป็นต้องพึ่งพา LNG จากสหรัฐฯ มากขึ้น และในขณะเดียวกันก็ต้องลดปริมาณการส่งพลังงานไปยังแอฟริกาลง เพราะความสามารถในการผลิตก๊าซธรรมชาติภายในของพวกเขาเองมีจำกัด ความเสี่ยงและการพึ่งพาสหรัฐฯ นี้อาจจะต้องอยู่กับยุโรปไปจนถึงปี 2023 เลยทีเดียว พูดอีกอย่างก็คือยุโรปตอนนี้ต้องลงมาแข่งแย่ง LNG จากสหรัฐฯ กับชาติอื่นๆ ทั่วโลกแล้ว”
การส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 พันล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (bcf/d) ในปี 2021 เมื่อเทียบกับปี 2020 ที่ระดับเฉลี่ย 9.8 bcf/d ในปี 2021 สำหรับสหรัฐฯ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะอยู่ในระดับสมดุล การเติบโตของตัวเลขการส่งออก LNG ถูกกำหนดให้เพิ่มขึ้นต่อไปในปีนี้และปีหน้า โดยจะอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 11.5 bcf/d ในปี 2022 และ 12.1 bcf/d ในปี 2023 ตามการคาดการณ์ของสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA)
ในแง่ของการเคลื่อนไหวของราคา LNG ทางเทคนิค ราคา LNG ได้ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดตลอดกาลที่ต่ำกว่า $2 ต่อหน่วยในปี 2020 ขึ้นสู่จุดสูงสุดตลอดกาลที่ $56 ในเดือนตุลาคม 2021 ระดับราคามาตรฐานของ LNG ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ $25 ต่อหน่วย
ที่มา: Gelber & Associates
รายงานปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศออกมาเมื่อคืนนี้มีตัวเลขลดลง 129 bcf เทียบกับตัวเลขของ investing.com ที่คาดว่าจะลดลง 134 bcf และเทียบกับตัวเลขของสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ลดลง 190 bcf ตลอดระยะเวลาสี่สัปดาห์ล่าสุด คิดเป้นการปรับตัวลดลงของก๊สซธรรมชาติคงคลังแล้ว 200 bcf และในระยะเวลาเจ็ดสัปดาห์ล่าสุด มีการดึงนำก๊าซธรรมชาติจากคลังไปใช้แล้วเกิน 100 bcf
Dan Myers นักวิเคราะห์และที่ปรึกษาเกี่ยวกับตลาดก๊าซธรรมชาติจาก Gelber & Associates ในฮูสตันให้ความเห็นว่า
“ถือเป็นครั้งแรกของปี 2022 เลยที่ตัวเลขของก๊าซธรรมชาติคงคลังลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี ตัวเลขนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าช่วงเวลาในฤดูหนาว และสงครามยังคงมีผลต่อราคาพลังงาน และเป็นสัจธรรมของโลกที่ไม่อาจเปลี่ยนไปได้”