ถึงแม้ว่านักลงทุนน้ำมันจะรอวันที่มีโอกาสได้เห็น $100 ต่อบาร์เรลอีกครั้งมาตลอดเจ็ดปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะต้องรอไปอีกอย่างน้อยเจ็ดวัน ทั้งๆ ที่ระยะห่างระหว่างราคาปัจจุบันไปจนถึง $100 ต่อบาร์เรลนั้นห่างกันไม่เกิน $5-$6 ต่อบาร์เรลแล้ว สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้นักลงทุนน้ำมันมีโอกาสเห็นหมุดหมายนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2014 
เช่นเดียวกันกับตลาดน้ำมัน ความขัดแย้งระหว่างสองชาตินี้ทำให้ราคาทองคำได้รับแรงหนุน ปรับตัวขึ้นจาก $1,850 โดยประมาณ และกำลังมุ่งหน้าขึ้นสู่ระดับแนวต้าน $1,900 
สัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันเบรนท์ทะเลเหนือสามารถทำสถิติปรับตัวขึ้นแปดสัปดาห์ติดต่อกัน เช่นเดียวกับทองคำที่ทำสถิติขาขึ้นสามสัปดาห์ติดต่อกัน ตราบใดที่สถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่บรรเทาลง นักวิเคราะห์เชื่อว่าสัปดาห์นี้สินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสองจะยังคงวิ่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อไป ตอนนี้สหรัฐอเมริกาถึงกับใช้คำว่ารัสเซียอาจจะบุกยูเครนตอนไหนก็ได้ ในขณะที่รัสเซียยังคงปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่มีความคิดเช่นนั้น
Edward Moya นักวิเคราะห์จาก OANDA ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ความตึงเครียดนี้ว่า
“น้ำมันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์อยู่แล้ว ถ้าหากรัสเซียสั่งเคลื่อนพลจริง การขึ้นไปแตะหรือยืนเหนือ $100 ต่อบาร์เรลของราคาน้ำมันดิบเบรนท์คงจะไม่ใช่ปัญหายุ่งยากอะไรมากมาย”
Overbought แล้วไง เมื่อไม่มีอะไรมาหยุดขาขึ้นครั้งนี้ได้
Sunil Kumar Dixit หัวหน้านักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ skcharting.com ให้ความเห็นต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในตอนนี้ว่า
“ขาขึ้นตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มได้ทำให้ทั้งราคาน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์เข้าสู่โซน overbought มาสักพักแล้ว สำหรับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่สัปดาห์ก่อนปรับตัวขึ้นจาก $88.40 ต่อบาร์เรลขึ้นไปยัง $94.65 ต่อบาร์เรล ได้ทำให้อินดิเคเตอร์ Stochastic มีค่าอยู่ที่ 94/94 และ RSI มีค่าอยู่ที่ 71 เป็นโซน overbought ทั้งคู่”
“หากในสถานการณ์ปกติ” เขากล่าวต่อ “ระดับของอินดิเคเตอร์ทั้งสองนี้ถือว่าสูงมาก และมีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะลงไปพักตัวที่ $88 และ $77 ต่อบาร์เรล แต่จะเป็นไปได้หรือที่จะย่อตัวลงไปขนาดนั้น ตราบใดที่สถานการณ์ระหว่างรัสเซียยูเครนยังไม่สงบ โซนปรับฐานที่ใกล้ที่สุดอย่างมากก็อยู่ที่ $92-$90 ต่อบาร์เรล และถ้าลงมาแค่นั้น ก็ยิ่งจะได้แรงส่งให้ราคาน้ำมันสามารถขึ้นไปถึงราคาเป้าหมายที่ $101 และ $107 ต่อบาร์เรล”
การหลุดกรอบสามเหลี่ยมของทองคำอาจส่งราคาขึ้นยาวถึง $1,916
ในการวิเคราะห์ครั้งนี้ Sunil ได้วิเคราะห์รวมถึงตลาดทองคำด้วย เขากล่าวว่า
“สำหรับราคาทองคำก็ได้รับปัจจัยสนับสนุนในลักษณะเดียวกับตลาดน้ำมัน ขาขึ้นจากระดับราคา $1,808 ขึ้นมาจนถึง $1,865 ต้องผ่านแนวต้านมาหลายด่านเลยทีเดียว ขาขึ้นครั้งนี้อาจจะสามารถลากยาวขึ้นไปถึงโซนราคา $1,900 - $1,916 เลยก็เป็นได้หากว่าทองคำสามารถยืนเหนือโซนราคา $1,843 และ $1,825 ซึ่งเป็นโซนพักตัว”
ประเด็นสำคัญต่อตลาดลงทุนที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้
จนถึงตอนนี้ตลาดลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ว่าการโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยังผู้นำรัสเซียนายวลาดิเมียร์ ปูติน ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ทางวอชิงตันก็ได้ประกาศออกมาว่าอเมริกาและกลุ่มนาโต้จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขตแดนของตัวเองจากความขัดแย้งนี้
นอกจากเกมการเมืองระหว่างประเทศ ตลาดลงทุนในสัปดาห์นี้อาจจะได้อิทธิพลจากคำพูดของบุคคลากรที่ทำงานในธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อ เจมส์ บลูราร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์และนางโรแรตตา เมสเตอร์ จะมีถ้อยแถลงในวันพฤหัสบดี หลังจากนั้นในวันศุกร์จะเป็นคิวของเลล แบร์นาร์ด รองประธานเฟด จอห์น วิลเลียม ประธานธนาคารกลางสาขานิวยอร์ก คริสโตเฟอร์ วอลล์เลอร์ และชาร์ลี อีแวน ประธานเฟดสาขาชิคาโก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เจมส์ บลูราร์ด ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ที่สูงที่สุดในรอบสี่สิบปีว่าตอนนี้เขาต้องการเห็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% จากการประชุมเฟดสามครั้งแรกของปี 2022 นับจากนี้ หากเฟดทำเช่นนั้นจริง จะถือเป็นการทำนโยบายการเงินแบบตึงตัวที่แข็งกร้าวมาก และนั่นเป็นสิ่งนักลงทุนขาขึ้นในฝั่งน้ำมันกลัว เพียงแค่บลูราร์ดแสดงความเห็นนี้เท่านั้น ราคาน้ำมันก็รวงลง 2% ทันทีในวันนั้นเลย
นอกจากถ้อยแถลงของสมาชิกในเฟดแล้ว วันพรุ่งนี้จะมีรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม เปิดเผยออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ความสำคัญของรายงานการประชุมนี้ก็คือจะทำให้ตลาดสามารถคาดการณ์ความเป็นไปได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ถึงแม้ว่าตลาดจะมีคำตอบในใจอยู่แล้วหลังจากฟังถ้อยแถลงของประธานเฟดในเดือนที่ผ่านมา
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แถลงหลังจากการประชุมของธนาคารกลางครั้งแรกของปี 2022 เมื่อเดือนมกราคมว่า “ยังมีพื้นที่มากพอให้สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยที่จะไม่กระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” สำหรับจำนวนครั้งในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตอนนี้ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ให้ตัวเลขเอาไว้มากที่สุดถึงเจ็ดครั้ง ปรับเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่คาดการณ์ไว้ห้าครั้ง พวกเขาเปลี่ยนข้อมูลตัวเลขหลังจากได้เห็นรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค YoY ที่เปลี่ยนจาก 7.0% เป็น 7.5%
รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์นี้เริ่มต้นด้วยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะประกาศในวันนี้เวลาประมาณ 20:30 น. ตามเวลาประเทศไทย คาดการณ์กันว่าตัวเลข PPI จะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่วนวันพรุ่งนี้จะมีรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนมกราคม ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% จากยอดขายสินค้ายานยนต์เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ก็เป็นกังวลว่าตัวเลขค้าปลีกอาจหดตัวจากเงินเฟ้อที่ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
นอกจากตัวเลขทั้งสอง ในสัปดาห์นี้ก็จะมีการรายงานตัวเลขผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ยอดขายที่อยู่อาศัยมือสอง รายงานตัวเลขการอนุญาตก่อสร้าง และดัชนีวัดราคาที่อยู่อาศัย