Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,675-1,710 จุด SET มีโอกาสปรับ ฐาน จากการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าที่ Market Consensus คาดเล็กน้อย จากสมมติฐานที่เราประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ในกรณีที่การรายงานเงินเฟ้อสูงกว่าคาด SET มีโอกาสปรับฐาน ลงในระยะสั้น รวมไปถึงแรงกดดันจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี เช้านี้ (11 ก.พ.) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.5868% และ 2.035% เราเชื่อว่า ตลาดสะท้อนและคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ใน FOMC March Meeting ที่กําลังจะมาถึง รวมไปถึงมุมมองของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ที่ส่งสัญญาณ สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 1% ภายในเดือน ก.ค. 65 (เป็นลบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ CCET DELTA HANA KCE NEX SMT และ SVI) อย่างไรก็ตาม SET ที่ปรับลดลงจะมีกรอบที่ จํากัด เนื่องจาก (1) การรายงานเงินเฟ้อสูงกว่าคาด แต่ไม่มาก และ (2) การพยุงตลาดของหุ้นในกลุ่มที่ ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น รวมไปถึงหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศเติบโต โดยเป็นหุ้นที่เราให้น้ําหนัก ในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่หุ้นในกลุ่มธนาคาร อุปโภคบริโภค ค้าปลีก และขนส่งในประเทศ ตามพอร์ต Core Investment ของเรา โดยเรายังแนะนําลงทุน KBANK (BK:KBANK) BBL TTB BLA BEM BEC BJC CRC CPALL (BK:CPALL) CPN MAKRO และ HMPRO ติดตามรายงานการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า (17 ก.พ.) รายงาน CPI สูงกว่า แต่มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร เลือก KBANK BBL ITB และ BLA เป็นหุ้นเด่น - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ม.ค. 65 เพิ่มขึ้น 7.5%YoY สูงสุดนับตั้งแต่ เดือน ก.พ. 2525 และสูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 7.29%YoY นอกจากนี้ยังรายงาน Initial Jobless Claims ล่าสุด ลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน และเป็นตัวเลขที่ตํากว่า Market consensus คาด สะท้อน การฟื้นตัวของการจ้างงานสหรัฐฯ เรามองเป็นลบต่อภาพรวมการลงทุน จากการดําเนินนโยบายการเงินของ เฟดที่เข้มงวดมากขึ้น รวมไปถึงน้ําหนักต่อการที่ เฟดจะทํา QT เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเราคาดว่าการปรับ ลดลงของ SET จะมีกรอบที่จํากัด เนื่องจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ยังคงมีอยู่ Theme หุ้นที่ได้ประโยชน์ จากดอกเบี้ยขาขึ้น เรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มประกัน ได้แก่ KBANK BBL TTB และ BLA ราคาน้ํามันดิบปรับเพิ่ม แต่ยังคงต้องระมัดระวัง - ราคาน้ํามันดิบยังปรับขึ้นต่อ แต่ต้องเริ่มระมัดระวัง โดยล่าสุด สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่ 89.88 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 22, เซนต์ (+0.3%) โดยระยะสั้นราคาน้ํามันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากการรายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบที่ลดลง มากกว่าที่ Market Consensus ประเมินไว้ อย่างไรก็ตามเรามองเป็นเพียงปัจจัยหนุนราคาน้ํามันดิบระยะสัน โดยเรายังคงต้องติดตามความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยชาติมหาอํานาจและอิหร่าน ได้กลับมาเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ที่กรุงเวียนนา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า หากสามารถบรรลุ ข้อตกลงกันได้ จะส่งผลให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ํามันดิบ ได้เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะทําให้อุปทาน น้ํามันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นราว 1% และสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ํามัน เรามองสหรัฐฯ อาจเปิดทางการเจรจา และรับทุกข้อเสนอของทางอิหร่าน เพื่อให้อิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ํามันเพิ่ม เพื่อลดความร้อนแรงของ ราคาน้ํามันดิบ ที่เป็นปัจจัยหนุนเงินเฟ้อให้ปรับเพิ่มในอัตราเร่ง
บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: MGT Earnings Preview: MGT (เก็งกําไร., ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท) แนวโน้มปี 65 ยังมองเติบโตต่อเนื่อง - คาด กําไรสุทธิ 4Q64 เติบโต 51%YoY แต่ลดลง 4%QoQ ปัจจัยหนุนมาจากปริมาณการจําหน่ายเคมีภัณฑ์ที่ เพิ่มขึ้น และการบันทึกรายได้ของบริษัท กรีน ลีฟ เคมิคอล จํากัด ด้านอัตรากําไรขั้นต้นคาดอยู่ในระดับ 25.9% ลดลงเล็กน้อย QoQ จากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ผลประกอบการปี 65 เติบโตต่อเนื่อง โดยค้าดรายได้ เติบโต 25%YoY ธุรกิจ Graphite คาดจะเริ่มนําสินค้าเข้ามาจําหน่ายช่วง 3Q65 ปรับประมาณการกําไรสุทธิ ปี 65 เพิ่มขึ้น 14% ปรับคําแนะนําเป็น “เก็งกําไร” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ ที่ 6.10 บาท รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ม.ค. 65 (1) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือน มี.ค, เพิ่มขึ้น 0.6%MoM และเพิ่มขึ้น 7.5%YoY ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ เดือน ก.พ. 2525 และสูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ว่าจะ เพิ่มขึ้น 0.49%MoM และเพิ่มขึ้น 7.2%YoY และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ธ.ค. 64 ที่เพิ่มขึ้น 0.5% MoM และเพิ่มขึ้น 7.0%YoY และ (2) ด้านดัชนี CPI พื้นฐาน (ไม่นับรวมหมวดอาหารและ พลังงาน) ในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.6% MoM และเพิ่มขึ้น 6.09%YoY เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ เดือน ส.ค. 2525 และสูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.49% MoM และเพิ่มขึ้น 5.9%YoY และเป็น การเพิ่มต่อเนื่องจากเดือน ธ.ค. 64 ที่เพิ่มขึ้น 0.69%MoM และเพิ่มขึ้น 5.5%YoY/ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ตําแหน่งสู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์ที่ ผ่านมา ต่ํากว่า Market Consensus คาดที่ 230,000 ราย ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชีถึงภาวะตลาดแรงงานที่ดึงตัว ขณะที่จํานวนชาวอเมริกันที่ยังคง ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลงสู่ระดับ 1.62 ล้านรายอย่างไรก็ตามตัวเลขผู้ยืนขอสวัสดิการว่างงาน ครั้งแรก ยังคงสูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ในสหรัฐฯ มุมมองทางเทคนิค – หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก BEM BDMS และ BJC
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities