ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนไม่ได้ทำให้ราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ราคาโลหะมีค่าปรับตัวขึ้นตามไปด้วย เพราะรัสเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนบทความอธิบายว่าสาเหตุที่ราคาพาลาเดียมแพงขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซียอย่างไร และตอนนี้ก็มาถึงคิวของอลูมิเนียมที่สามารถทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบสี่เดือนได้ เพราะรัสเซียอีกแล้วเช่นกัน
สิ่งที่ทำให้ราคาซื้อขายอลูมิเนียมล่วงหน้า ที่จะส่งมอบในเดือนตุลาคมในตลาด LME ปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้เกิดจากความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการปิดท่อส่งพลังงานจากรัสเซียมายังยุโรป ‘Nord Stream 2’ ซึ่งเยอรมันได้ทำการขู่รัสเซียว่าจะปิดการใช้งานท่อส่งพลังงานนี้หากรัสเซียเข้ารุกรานยูเครนจริง เพราะอลูมิเนียมเป็นแร่ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานในการสร้างขึ้นมา และก๊าซก็เป็นหนึ่งในส่วนประกอบนั้น
รัสเซียถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอลูมิเนียมเบอร์ต้นๆ ของโลก ดังนั้นคำขู่ที่ชาติตะวันตกจะคว่ำบาตรรัสเซียหากรุกเข้ายูเครนได้ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานของอลูมิเนียมยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น
ที่มา: skcharting.com
ในปี 2018 สหรัฐอเมริกาเคยคว่ำบาตรรัสเซียและบริษัทผู้ผลิตอลูมิเนียมยักษ์ใหญ่นาม United Co. RUSAL (MCX:RUAL) มาแล้ว และการกระทำนั้นได้ทำให้ราคาอลูมิเนียมทั่วโลกปรับตัวขึ้น นับตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนมาจนถึงปัจจุบัน ราคาอลูมิเนียมก็ยังขึ้นไม่หยุด ในเดือนธันวาคมปี 2021 ราคาอลูมิเนียมปรับตัวขึ้น 7% และหากนับเฉพาะตั้งแต่เริ่มปี 2022 จนถึงปัจจุบัน ราคาอลูมิเนียมปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 11%
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าสิ่งที่ช่วยสนับสนุนขาขึ้นครั้งนี้อีกอย่างหนึ่งคือปริมาณอลูมิเนียมคงคลังจากตลาดซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าลอนดอน และการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีน เมื่อวานนี้ราคาซื้อขายอลูมิเนียมล่วงหน้าสามเดือนบน LME ปรับตัวขึ้น 2.6% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $3,170 ต่อตัน เข้าใกล้จุดสูงสุดในเดือนธันวาคมที่ $3,172
ในขณะเดียวกัน ปริมาณอลูมิเนียมสำรองคงคลังในตลาด LME ก็ได้ปรับตัวลดลง 768,250 ต่อตัน สร้างจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 ค่าพรีเมียมระหว่างราคาสปอตของอลูมิเนียมและสัญญาซื้อขายอลูมิเนียมล่วงหน้าสามเดือนที่มีตัวเลขเพิ่มขึ้น $40 ต่อตัน สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2018 แสดงให้เห็นถึงปริมาณซัพพลายของอลูมิเนียมที่มีอยู่อย่างจำกัด
สถานการณ์คล้ายกันนี้เกิดขึ้นที่ตลาดฟิวเจอร์ฟังเอเชีย เมื่อราคาอลูมิเนียมล่วงหน้าสามเดือนบนตลาดเซี่ยงไฮ้ SFE ปรับตัวขึ้น 1.4% หรือคิดเป็นเงิน $3,533.90 ต่อตัน ครั้งสุดท้ายที่ราคาอลูมิเนียมสามารถขึ้นมาได้ขนาดนี้ต้องย้อนกลับไปในวันที่ 22 เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บริษัทที่ปรึกษาด้านข้อมูลโลหะของรัฐบาลจีน Antaike กล่าวว่าส่วนหนึ่งของการผลิตอลูมิเนียมในประเทศจีนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และมาตรการคมเข้มทางสังคมในภูมิภาคที่มีการผลิตอลูมิเนียมเป็นจำนวนมาก เว็บไซต์ Supplychaindrive.com รายงานว่าอลูมิเนียมเป็นหนึ่งในห้าผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะมีอุปทานไม่เพียงพอในปีนี้ เว็บไซต์ระบุว่าส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ
ราคาก๊าซธรรมชาติที่พุ่งสูงขึ้นในยุโรปได้ผลักดันให้ผู้ผลิตบางรายลดการผลิตลง ซึ่งทำให้สถานการณ์อุปทานอลูมิเนียมทั่วโลกยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ยุโรปสูญเสียกำลังการผลิตมากกว่า 650,000 ตันต่อปีนับตั้งแต่ราคาพลังงานเริ่มปรับตัวขึ้นในเดือนตุลาคม จนสมาคมผู้ผลิตอลูมิเนียมต้องเขียนในจดหมายถึงสหภาพยุโรปในวันที่ 14 มกราคม
อุปทานอลูมิเนียมที่ไม่เพียงพอได้สร้างปัญหาให้กับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง และผู้ผลิตเครื่องดื่มที่ใช้กระป๋องเป็นบรรจุภัณฑ์ Rodney Sacks ผู้เป็น CEO ร่วมของบริษัท Monster Beverage (NASDAQ:MNST) กล่าวในไตรมาสที่สามว่าการที่ไม่สามารถทำกระป๋องได้ ส่งผลให้ไม่สามารถผลิตเครื่องดื่มได้มากพอกับความต้องการของลูกค้า ปัญหานี้ทำให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องดิมบางรายตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ขึ้นเอง ยกตัวอย่างเช่น Ball Corporation (NYSE:BLL) ที่ประกาศสร้างโรงงานทำบรรจุภัณฑ์ในรัฐเนวาดาด้วยวงเงิน $290 ล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อปัจจัยพื้นฐานทั่วโลกต่างส่งเสียงเดียวกันออกมา แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคคิดเช่นนั้นด้วยหรือไม่?
Sunil Kumar Dixit หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านเทคนิคของ skcharting.com วิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดอลูมิเนียมว่า
“ราคาอลูมิเนียมได้ขยับเข้าใกล้จุดสูงสุดของเดือนตุลาคมที่ $3,198 แล้ว และมีโอกาสที่จะขยับขึ้นไปสูงถึง $3,458 การที่เส้นค่าเฉลี่ยของ SRSI สามารถตัดกันขึ้นไปที่ 72/64 ได้นั้นยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ามีโอกาสที่ราคาอลูมิเนียมจะปรับตัวขึ้นต่อ ตอนนี้กรอบการวิ่งของราคาคือ $3,198 และ $2,522 หากว่ากราฟมีการพักฐานระยะสั้น มีโอกาสที่กราฟจะย่อลงพักที่ $3,110 - $3,063”
“สำหรับขาลง” เขากล่าวต่อ “การหลุดแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 5 EMA หรือกรอบราคา $3,049 หรือ $3,008 ลงมาจะเป็นการส่งสัญญาณอ่อนแรง และเปิดโอกาสให้ลงไปทดสอบระดับแนวรับ $2,850 และ $2,600 ซึ่งถือเป็นแนวรับหลัก แต่ถ้าการปรับฐานนั้นเกิดขึ้นเหนือ $2,850 หรือ 50% ของเครื่องมือ Fibonacci มีโอกาสที่จุดนั้นจะเป็นการย่อ แล้วส่งราคาให้ขึ้นยืนเหนือ $3,198 ถ้าเป็นเช่นนั้นให้พิจารณาแนวต้านถัดไปที่ $3,358 และ $3,458 รอไว้ได้เลย”