Black Friday Sale! ประหยัด สุดคุ้ม กับ InvestingProรับส่วนลดสูงถึง 60%

การที่ราคาน้ำมันแพงจะทำให้ OPEC+ ยอมเปลี่ยนโควตาการผลิตหรือไม่? 3 สิ่งที่ต้องจับตา

เผยแพร่ 28/01/2565 13:44
LCO
-
CL
-
2222
-

ผ่านไปเพียงไม่นานเราก็กำลังจะก้าวเข้าสู่เดือนที่สองของปี 2022 กันแล้ว ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) เกิดขึ้นในวันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ เพื่อวางนโยบายการผลิตน้ำมันในเดือนมีนาคม สิ่งที่นักลงทุนทั่วโลกต้องการจากกลุ่ม OPEC+ ในตอนนี้คือการเพิ่มกำลังการผลิตต่อวันให้เพิ่มขึ้นจาก 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ซึ่งทางกลุ่มได้วางเอาไว้ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2021

นอกเหนือจากการประชุมที่จะเกิดขึ้น ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่เกิดขึ้นรอบตลาดน้ำมัน ที่สมควรอย่างยิ่งแก่การพิจารณาหากคิดจะลงทุนในตลาดน้ำมันช่วงนี้ สามประเด็นที่กลุ่ม OPEC+ และนักลงทุนอย่างพวกเราต้องพิจารณามีอะไรกันบ้าง บทความนี้จะแยกออกมาให้เห็นเป็นข้อๆ

1. ระดับราคาน้ำมัน

เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนน่าจะสัมผัสกันได้ว่าราคาน้ำมันแพงขึ้น และส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของพวกเรามีต้นทุนที่แพงขึ้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สามารถขึ้นทดสอบจุดสูงสุดที่ $90 ต่อบาร์เรลได้เป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปี ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ก็ปรับตัวขึ้นจนเกือบจะแตะ $88 ต่อบาร์เรล Crude Oil WTI Weekly Chart

ความน่ากังวลแต่เป็นความจริงที่ต้องยอมรับคือ ในฐานะผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันไปขาย กลุ่ม OPEC+ พอใจกับระดับราคาน้ำมันในตอนนี้ และก็ยังไม่มีรายงานวิจัยไหนที่บอกว่าระดับราคาน้ำมันในปัจจุบันจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต้องสะดุด อย่างไรก็ตาม จากประวัติศาสตร์ในอดีต บางประเทศในกลุ่ม OPEC+ อย่างเช่นซาอุดิอาระเบียก็ไม่ชอบที่จะต้องตกเป็นจำเลยของโลกในการถูกกล่าวหาว่าเพราะเห็นแก่กำไรเกินควรจนทำให้เศรษฐกิจของโลกทั้งใบต้องหดตัว

การประชุมในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ การปรับนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มจึงจะขึ้นอยู่กับมุมมองของกลุ่ม OPEC+ ด้วยว่าพวกเขาคิดว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นในตอนนี้ เป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานจริงๆ หรือเป็นเพราะการเก็งกำไรของตลาดทุน หาก OPEC+ เชื่อว่าเป็นเพราะกา่รเก็งกำไร (ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเชื่อแบบนี้) กลุ่ม OPEC+ อาจจะตัดสินใจคงกำลังการผลิตน้ำมันเอาไว้ที่ระดับเดิม

2. ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

ประเด็นนี้ถือว่าเป็นข่าวที่ผู้คนทั่วโลกเฝ้าจับตามอง สำหรับคนทั่วไป พวกเขากำลังจับตาอยู่ว่าหากรัสเซียยกทัพเข้ายูเครนจริง จะเป็นการเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สามเลยหรือไม่ แต่สำหรับมุมมองของนักลงทุนนั้น พวกเขาเป็นกังวลว่าถ้าเกิดสงครามกันขึ้นจริง จะยิ่งส่งผลกระทบต่อระดับอุปสงค์อุปทานของตลาดน้ำมันโลกมากขึ้น

หากพิจารณาตามรูปเกมจริงๆ แล้ว รัสเซียไม่ได้เป็นรองในหมากกระดานนี้เลย ประการแรกยูเครนไม่ได้อยู่ในกลุ่ม NATO ซึ่งหมายความว่ายูเครนไม่ได้รับความคุ้มครองโดยตรงจากโลกตะวันตก ถึงแม้ว่าจะมีข่าวการส่งกองกำลัง ส่งอาวุธไปให้ยูเครนก็ตาม ประการที่สอง ถ้าสมมุติว่าตะวันตกจะเลือกใช้วิธีคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ จะกลายเป็นการส่งผลเสียให้กุบยุโรปมากกว่าที่จะได้ และรัสเซียก็แค่เปลี่ยนลูกค้าจากตะวันตกเป็นประเทศจีนเท่านั้น

อีกหนึ่งสถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้คือต่อให้เกิดการปะทะกันขึ้นจริง เยอรมันก็ยังคงต้องซื้อพลังงานจากรัสเซียต่อไป และอาจจะไม่เข้าร่วมการคว่ำบาตรที่อเมริกาอาจจะทำ สำหรับกลุ่ม OPEC+ พวกเขาอาจจะยังไม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้อพิจารณาในการเปลี่ยนแปลงนโยบายการผลิตน้ำมันในรอบนี้ เพราะตอนนี้มีเพียงสหรัฐฯ เท่านั้นที่ออกมาตะโกนให้โลกได้ยินดังๆ ว่ารัสเซียจะบุกยูเครน

3. กำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ ที่ไม่ได้เป็นไปตามโควตา

เพราะในความเป็นจริงแล้วประเทศในกลุ่ม OPEC+ ณ ตอนนี้ไม่ได้ผลิตน้ำมันถึงตัวเลขที่กำหนดคือ 40.894 ล้านบาร์เรลต่อวัน นั่นจึงนำมาซึ่งคำถามที่ว่ากลุ่ม OPEC+ ควรที่จะเพิ่มตัวเลขโควตาการผลิตขึ้น หรือควรรอให้ชาติสมาชิกสามารถผลิตน้ำมันได้ตามเป้าที่กำหนด 

ความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อกลุ่ม OPEC+ ในตอนนี้คือทางกลุ่มควรจะเพิ่มโควตาการผลิตขึ้นไป แต่ถ้าทำเช่นนั้นก็มีเพียงไม่กี่ประเทศในกลุ่มเท่่านั้นที่สามารถทำได้ นักวิเคราะห์บางคนจึงเชื่อว่าต่อให้ต้องรอจนถึงเดือนมีนาคม ก็คงจะไม่มีทางได้เห็นกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 400,000 บาร์เรลต่อวันจริง แต่ก็ไม่อาจบอกให้กลุ่ม OPEC+ ลดกำลังการผลิตไปได้มากกว่านี้ เพราะมิเช่นนั้นจะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น

นอกจากการประชุมของ OPEC+ ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนควรจับตาดูการรายงานตัวเลขราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) ในเดือนมีนาคมจากบริษัทซาอุดิ อารัมโก (SE:2222) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ที่จะเกิดขึ้นหลังการประชุม OPEC+ มีความเป็นไปได้ที่อารัมโกจะเพิ่มราคาขายน้ำมันให้กับฝั่งเอเชีย หากทำเช่นนั้นประเทศผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ ในตะวันออกกลางก็จะเพิ่มราคาขายน้ำมันขึ้นตามไปด้วย

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย