Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,660 จุด เราคาดว่า SET จะยังคงผันผวน ในกรอบ Sideway แม้เฟดไม่ส่งสัญญาณ Hawkish มากกว่าที่ตลาดคาด แต่ยังต้อง ติดตาม โดยเฉพาะกรอบเวลาในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการลดขนาดงบดุล ซึ่งปัจจุบันสูงถึงเกือบ 9 ล้านล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการ ประชุม เดือน มี.ค. (15-16 มี.ค.) แต่ต้องติดตามรายงานเงินเฟ้อกลางสัปดาห์ หากยังออกมาสูง มีโอกาส ที่เฟดจะส่งสัญญาณเร่งลดงบดุล รวมไปถึงการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรอบการประชุมเดือน มี.ค. มากถึง 0.5% กลยุทธ์การลงทุน ยังเน้น Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอย่างกลุ่มธนาคาร และกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ KBANK (BK:KBANK) BLA LH และ ORI รวมไปถึงหุ้นในกลุ่ม Oil Play ที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม เราเลือก PTTEP เป็นหุ้นเด่น • เฟดไม่ส่งสัญญาณ Hawkish มากกว่าที่ตลาดคาด แต่ยังต้องติดตามเรามองเป็นบวกต่อ KBANK BBL และRLA - แม้เฟดจะยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนเรื่องกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เป็นที่ชัดว่าจะมีการ ขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเฟด เดือน มี.ค. (15-16 มี.ค.) ขณะที่เฟดไม่ได้ระบุถึงกรอบเวลา ที่แน่นอนในการเริ่มปรับลดขนาดงบดุล จะทําให้ตลาดคลายความกังวลลงในระยะสัน อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของสินทรัพย์เสียง จะเป็นกรอบการฟื้นตัวที่จํากัด จากตัวเลขเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังคงทยอย รายงานออกมาเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับสูง ติดตามการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ กลางสัปดาห์หน้า (2 ก.พ.) เรามองประเด็นดังกล่าวจะยังดีกับหุ้นในกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกัน โดยเราเลือก KBANK BBL และ BLA เป็นหุ้นเด่น , เฟดคงดอกเบี้ย ปรับลด QE ตามคาด แต่ยังไม่ระบุเวลาที่ชัดเจนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และลดขนาด งบดุล - 4 ประเด็นที่ได้จากการประชุมเฟด เมื่อคืนที่ผ่านมา คือ
(1) คณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสันที่ระดับ 0.00-0.25% (ตามคาด)
(2) ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จํานวน 30,000 ล้านดอลลาร์ ในเดือน ก.พ. ซึ่งจะส่งผลให้การทํา QE ของเฟด สิ้นสุดลงในเดือน มี.ค. (ตามคาด)
(3) เฟดูไม่ได้ระบุถึงกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างชัดเจน แต่เราเชื่อว่าจากเหตุผล เรื่องของการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าจ้าง และเงินเฟ้อ รวมไปถึงอัตราการว่างงานที่เริ่มลดลง จะทําให้เฟดขึ้น อัตราดอกเบี้ย ในการประชุม FOMC เดือน มี.ค. โดย FedWatch Tool ของ CME Group สะท้อนว่า นักลงทุนให้น้ําหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงิน ในเดือน มี.ค. พร้อมกับคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งภายในปีนี้ และ (4) เฟดไม่ได้ระบุถึง กรอบเวลาในการเริ่มปรับลดขนาดงบดุล โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุเพียงว่า เฟดคาดว่ากระบวนการปรับ ลดขนาดงบดุลจะเริ่มขึ้น หลังจากที่มีการเริ่มกระบวนการปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ราคาน้ํามันดบฟื้นตัวต่อเนื่อง แนะเก็งกําไร เลือก PTTEP เป็นหุ้นเด่น - สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่ 87.35 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.75 เหรียญ (+26) ราคาน้ํามันดิบยังคงปรับเพิ่มต่อเนื่อง สอดคล้องกับมุมมองของเรา แม้รายงาน EIA ล่าสุดจะระบุปริมาณสํารองน้ํามันดิบเพิ่มขึ้น สวนทางกับที่ Market Consensus คาด แต่ราคาน้ํามันดิบยังมีแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง หนุนราคาน้ํามันดิบ ในช่วง 1 เดือนข้างหน้า ขณะที่ภาวะอุปทานตึงตัว หลัง OPEC+ ปรับเพิ่มกําลังผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป เหตุระเบิดท่อส่งน้ํามันของตุรกี และกําลังผลิตของลิเบียที่ลดลง รวมไปถึงสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ที่ล่าสุดทําเนียบเครมลินออกแถลงการณ์เตือนว่า รัสเซียจะทําการตอบโต้อย่างรวดเร็ว หากสหรัฐและ พันธมิตรปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซีย และยังคงดําเนินนโยบายที่แข็งกร้าว ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มกําลังทหาร ในพื้นที่ตนเอง ปัจจัยบวกดังกล่าววจะทําให้หุ้นในกลุ่ม OIL Play (PTTEP PTT (BK:PTT) SPRC และ TOP) กลับมามีความน่าสนใจ
• บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: PTG
• Earnings Preview: PTG (ซื้อ.,ราคาเป้าหมาย 18.2 บาท) มองว่าปี 65 บริษัทกลับมาเติบโตแม้ยังมีปัจจัยเสียง - คาดกําไรสุทธิ 4Q60 ลดลง 97%YoY และลดลง 63%YoY ค่าการตลาดที่คาดอยู่ในระดับต่ํากว่า 1.60 บาทต่อลิตรเป็นปัจจัยจํากัดการฟื้นตัว แต่บริษัทได้ทําการปรับราคาขายขึ้น 0.20-0.50 บาท แนวโน้มปี 65 บริษัทเน้นธุรกิจ Non-oil มากขึ้น โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทยและธุรกิจ LPG ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเสียงยังอยู่ที่การตรึงราคาน้ํามันดีเซลของภาครัฐที่จะถูกยกเลิกใน 31 มี.ค. 65 ประกอบกับราคาน้ํามัน ที่ยังอยู่ในระดับที่สูง ปรับประมาณการกําไรสุทธิปี 60-65 ลง 29% และ 106 ตามลําดับ คงคําแนะนํา “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 65 ที่ 18.20 บาท รายงานข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - สํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (สินสุด 21 ม.ค.) สวน ทางกับที่ Market Consensus คาดว่าจะลดลง 21 ล้านบาร์เรล รายงาน EIA ดังกล่าว สวนทางกับสถาบัน ปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ํามันของสหรัฐฯ รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ ลดลง ลง 872,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ EIA รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบที่เมืองคู่ชิง รัฐโอกลาโฮมา (เป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ํามันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ) ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณ น้ํามันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล (คาดเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เร็ล) ขณะที่ปริมาณสํารองน้ํามันกลัน (รวม ถึงฮีตติ้งออยล์และน้ํามันดีเซล) ลดลง 2.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา (คาดลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล) มุมมองทางเทคนิค -หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก KBANK BLA และ BDMS
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities