Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,655 จุด เราคาดว่า SET จะพักตัวต่อ และเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway ก่อนการประชุม FOMC (ทราบผลเช้าวันที่ 27 ม.ค. ตามเวลาไทย) รวมไปถึงการฟื้นตัวของ CBOE Volatility Index (VIX Index) รวมไปถึงการปรับ เพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี และ 10 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 1.0273% และ 1.776% ตามลําดับ กดดันภาพรวมการลงทุน กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนําลงทุนในลักษณะ Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว PTTEP SPRC AH IHL STANLY และ SAT รวมไปถึง BDMS ที่จะได้ Sentiment เชิงบวกจากการไปเยือนซาอุฯ ของนายก เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ จะเป็นประโยชน์ต่อ เดินทางระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งตลาดแรงงาน และธุรกิจโรงพยาบาล เราเชื่อ SET มีโอกาสกลับมาฟื้นตัว หลังการประชุม FOMC โดยเรามีมุมมองต่อผลการประชุม FOMC โดยให้น้ําหนักกรณี Base Case (ติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Daily Strategy วันที่ 24 และ 25 ม.ค.) ราคาน้ํามันดิบฟื้นตัว แนะเก็งกําไร เลือก PTTEP และ SPRC เป็นหุ้นเด่น
- ราคาน้ำมันดิบ ล่าสุดกลับมาฟื้น ตัว สอดคล้องกับมุมมองของเรา โดยเรายังเชื่อว่าระยะสั้นราคาน้ํามันดิบยังมีปัจจัยหนุนจากภาพรวม Demand ที่แข็งแกร่ง ตามฤดูกาล รวมไปถึงการปรับประมาณการความต้องการใช้น้ํามันดิบในปี 2565 เพิ่ม ทั้งจากสํานักงานพลังงานสากล (IEA) และ OPEC โดยรายงานของ OPEC ล่าสุด (ม.ค. 65) คาด Demand น้ํามันโลกปี 2565 เพิ่มขึ้น 4.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปี 2564 มาอยู่ที่ 100.79 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทําให้ เราคาดว่าราคาน้ํามันดิบในช่วง ม.ค.-ก.พ. 65 ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ภาวะอุปทานตึงตัว หลัง QPEC+ ปรับเพิ่มกําลังผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป เหตุระเบิดท่อส่งน้ำมันของตุรกี และกําลังผลิตของลิเบียที่ลดลง รวมไปถึงความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่มนาโต้ นําโดยสหรัฐฯ และรัสเซีย เพิ่มกําลังทหารในพื้นที่จํานวนมาก ขณะที่การเจรจาระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกเพื่อแก้ไข ความขัดแย้งเกี่ยวกับยูเครน ยังไม่มีความคืบหน้า ด้วนราคาน้ํามันดิบเฉลี่ยในปี 2565 Market Consensus เริ่มมีการทยอยปรับประมาณการสมมติฐานราคาน้ํามันดิบเพิ่ม ปัจจัยบวกดังกล่าววจะทําให้หุ้นในกลุ่ม Oil Play (PTTEP PTT (BK:PTT) SPRC และ TOP) กลับมามีความน่าสนใจ หลังราคาหุ้นปรับลดลงก่อนหน้านี้ ติดตาม รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบประจําสัปดาห์จาก สํานักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) วันนี้ เวลา 22.30 น. ตามเวลาไทย โดย Market Consensus คาดปริมาณสํารองน้ํามันดิบของสหรัฐฯ จะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 21 ม.ค.) ส.อ.ท. คาดปี 65 ผลิตรถเพิ่ม 6.78%YoY เลือก AH IHL STANLY และ SAT เป็นหุ้นเด่น - เรามีมุมมองเป็น บวกต่อหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ จากการคาดหมายว่าปี 2565 ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศจะเพิ่มขึ้น มากถึง 6.78%YoY โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประมาณการการผลิตรถยนต์ ในปี 2565 อยู่ที่ 1,800,000 คัน เพิ่มขึ้น 6.789%YoY จากปี 2564 ที่มีการผลิตอยู่ที่ 1685,705 คัน แบ่งเป็นการผลิต เพื่อการส่งออกประมาณ 1,000,000 คัน เท่ากับ 55.569% ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจําหน่ายใน ประเทศประมาณ 800,000 คัน เท่ากับ 44.45% ของยอดการผลิตทั้งหมด ทําให้หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ได้ประโยชน์ ได้แก่ AH IHL SAT STANLY IRC SPG YUASA PCSGH HFT TSC EASON GYT CWT TBU TNPC NDR INGRS EPI TKT EPG และ ACG รวมถึง KCE แม้ไม่ได้อยู่ในกลุ่มยาน ยนต์โดยตรง แต่ขายชิ้นส่วนให้ลูกค้าในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ในสัดส่วนที่สูง รวมไปถึงปัจจัยบวกจากการคาดหมายแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่า
• บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: KCE
Earnings Preview: KCE (ซื้อ.,ราคาเป้าหมาย 101 บาท) บาทอ่อน กําลังผลิตเพิ่ม ค่าใช้จ่ายลดลง หนุนกําไร สุทธิเติบโตทั้ง QoQ และ YoY - คาดกําไรสุทธิ 4Q64 เพิ่มขึ้น 679%YoY และ 5%QoQ หนุนจากบาทอ่อน Utilization เพิ่มและค่าใช้จ่ายที่ลดลง ส่งออกได้เปรียบจากเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเหรียญ คาดกําไร สุทธิปี 65 เติบโตจาก การขยายกําลังการผลิต การปรับเพิ่มราคาขายสินค้า และ Backlog ที่ยังเข้าบริษัท ต่อเนื่อง เรายังเลือก KCE เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มจาก (1) ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโต และ (2) แผนเพิ่มกําลังผลิตรับ Demand ที่เพิ่มขึ้น แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 101 บาท
• รายงานข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - ผลสํารวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ม.ค. 65 อยู่ที่ 113.8 จุด ลดลงจากเดือน ธ.ค. 64 ที่ 115.2 จุด แต่ดีกว่า Market Consensus ที่ระดับ 111.8 จุด ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคถูกกดดันจากเงิน เฟ้อที่เพิ่มขึ้น และการแพร่ระบาดของโควิด-19 / Ifo สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี รายงานดัชนีความ เชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (ผลสํารวจบริษัทในภาคการผลิต ก่อสร้าง ค้าส่งและค้าปลีก รวมทั้งภาคบริการ ประมาณ 9,000 แห่งในแต่ละเดือน) ในเดือน ม.ค. อยู่ที่ 95.7 จุด (ดีกว่าคาด 94.5 จุด) ดัชนีความเชื่อมั่น ภาคธุรกิจของเยอรมนีฟื้นตัวครั้งแรก หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 6 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับปัจจัยบวก จากการที่ภาวะคอขวดในภาคการผลิตได้คลี่คลายลง ส่งผลให้ภาคธุรกิจของเยอรมนี้มีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อ แนวโน้มในช่วง 6 เดือนข้างหน้า มุมมองทางเทคนิค หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก BLA BBL และ BDMS
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities