หากเปรียบเทียบสถานการณ์ของตลาดน้ำมันให้เป็นเกม ตอนนี้คงต้องบอกว่าตลาดน้ำมันดิบทำเควส (Quest) ทุกอย่างเสร็จแล้ว และพร้อมสำหรับการขึ้นยืนเหนือ $90 ต่อบาร์เรล ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาฉุดรั้งราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวลดลง เมื่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเป็นอันดับสามของกลุ่ม OPEC ถูกโจมตีจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย และการคาดการณ์ระดับอุปสงค์อุปทานจากกลุ่ม OPEC ที่จะออกมาดีกว่าที่คิด (ในความเห็นของนักวิเคราะห์)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กลุ่มกบฎฮูตี (Houthi) ได้ส่งโดรนและจรวดมิสไซส์เข้าโจมตีรถขนส่งพลังงานของ UAE เหตุการณ์นี้ได้สังหารคนของ UAE ไปสามคน หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มฮูตีได้ออกมาขู่ว่าจะโจมตีสถานที่สำคัญๆ อื่นๆ อีก แน่นอนว่า UAE ไม่ได้ยอมอยู่เฉย พวกเขาออกมาบอกว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะตอบโต้กลุ่มผู้ก่อการร้ายเพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเอง
เมื่อวานนี้กลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน (OPEC) ได้เปิดเผยข้อมูลรายงานภาพรวมตลาดน้ำมันประจำเดือน จากสถานการณ์ความไม่สงบสุขในตะวันออกกลาง และภาวะเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์หลายสำนักจึงเชื่อว่ามีความเป็นได้ที่นักลงทุนขาขึ้นจะอาศัยจังหวะนี้ในการดันราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นชนระดับราคาเป้าหมาย $90 ต่อบาร์เรลให้ได้ หรือถ้าจะให้เซอร์ไพรส์กว่านั้น อาจจะพาราคาน้ำมันดิบขึ้นถึง $100 ต่อบาร์เรล
ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 มาจนถึงปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 12% ต่อยอดจากขาขึ้นในปี 2021 มากกว่า 50% ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาน้ำมันดิบ WTI มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $84.50 ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $87.50 ต่อบาร์เรล ขาขึ้นนี้แสดงถึงความมั่นใจของผู้บริโภคมากขึ้น หลังจากเห็นตัวเลขจากกรมสาธารณสุขทั่วโลก ที่ให้ข้อมูลคล้ายกันว่าโอมิครอนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แม้จะระบาดได้เร็วกว่าแต่กลับทำอันตรายได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้า
ก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงประมาณ 20% ก่อนที่จะสามารถกลับมาสร้างขาขึ้นได้อีกครั้งเนื่องจากมีผู้เห็นโอกาสเข้าซื้อน้ำมันในราคาที่ต่ำ และกลุ่มโอเปกที่ไม่ยอมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันขึ้นมากกว่า 400,000 บาร์เรลต่อวัน ทั้งๆ ที่ความต้องการน้ำมันหลังคลายความกังวลเกี่ยวกับโอมิครอนมีเพิ่มมากขึ้น แอช โกลเวอร์ นักวิเคราะห์จาก CMC Markets ให้ความเห็นว่า
“หากความตึงเครียดทางการเมืองยังคงดำเนินต่อไป ประกอบกับสมาชิกของกลุ่ม OPEC+ ไม่ยอมผลิตน้ำมันให้ได้ตามโควตา 400,000 บาร์เรลต่อวัน ด้วยภาพรวมทางเทคนิคตอนนี้เอื้อต่อการขึ้นทดสอบแนวต้าน $100 ต่อบาร์เรลเป็นอย่างมาก”
นักวิเคราะห์เชื่อว่ารายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจากสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) ที่จะประกาศออกมาในวันพฤหัสบดีนี้อาจจะยิ่งช่วยหนุนให้ตลาดน้ำมันปรับตัวขึ้น หรือต่อให้ไม่หนุน ก็ไม่ได้ส่งผลเสียหรือบั่นทอนกำลังใจของนักลงทุนฝั่งขาขึ้น ที่เชื่อว่ายังไงก็ต้องได้เห็น $90 ต่อบาร์เรลได้เลย ลูอิส ดิกสัน นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy กล่าวว่า “แรงส่งขาขึ้นได้อยู่กับตลาดน้ำมันมาสามสัปดาห์ติดต่อกันแล้ว และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงได้เลย”
ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากเจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานซาอุดิอาระเบีย ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในกลุ่มโอเปก บอกกับนักข่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเขารู้สึก "สบาย" กับขาขึ้นที่มีในตลาดน้ำมันอย่างต่อเนื่อง และถ้าสหรัฐฯ ต้องการที่จะนำน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ออกมาใช้เพื่อกดราคาน้ำมันให้ต่ำลง หรือเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ก็เป็นสิทธิของอเมริกาที่ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ นี่คือความมั่นใจของซาอุดิอาระเบียและกลุ่มโอเปกที่เชื่อว่าต่อให้ทั้งอเมริกาและจีนจะนำน้ำมันสำรองออกมาใช้ ก็ไม่มีทางทำอะไรพวกเขาได้
ความเคลื่อนไหวของตลาดทองคำในตอนนี้ ฝั่งขาขึ้นคาดว่าทองคำจะสามารถยืนเหนือระดับราคา $1,800 ได้อย่างไม่มีปัญหา ตลาดจะพยายามรักษาความต่อเนื่องนี้ต่อมาจากขาขึ้น 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว ดังนั้นก็ไม่ต้องตกใจไปหากจะเห็นว่าตลอดทั้งสัปดาห์นี้ราคาทองคำบนตลาด COMEX จะยังคงวิ่งอยู่ที่ระดับ $1,820 - $1,815 โดยประมาณ
ถึงแม้ว่าตั้งแต่เริ่มปี 2022 เป็นต้นมา จะมีแต่พาดหัวข่าวธนาคารกลางสหรัฐฯ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ทุกหนังสือพิมพ์ แต่ราคาทองคำตั้งแต่ต้นปี 2022ก็ยังทำหน้าที่ในฐานะสินทรัพย์คานเงินเฟ้อ ขอยืนเหนือ $1,800 ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากปีที่แล้วทำหน้าที่ดังกล่าวไม่สำเร็จ พ่ายแพ้ต่อขาขึ้นของดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เคยถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับทองคำ และเป็นเหตุผลให้ทำไมทั้งๆ ที่มีแค่ความคาดหวังต่อการขึ้นดอกเบี้ยของตลาด ก็สามารถทำให้ทองคำสร้างจุดปิดในปีที่แล้วลดลง 3.6% สร้างสถิติขาลงที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 ได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางกลุ่มเชื่อว่าหากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังเป็นธีมการลงทุนหลักของปี 2022 เช่นนั้นก็ยังมีโอกาสที่จะได้่เห็นทองคำกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $2,100 ได้อีกครั้ง