สรุป ราคาทองคําช่วงเช้าแกว่งตัวในกรอบ 1,823.20-1,826.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆสลับกันไปมาในแดนบวกลบ ขณะที่วานนี้ราคาได้ปรับ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีก 5.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือนสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% ทําให้ดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลง จนเป็นปัจจัยหนุนทองคํา ส่วนในวันนี้มีปัจจัยช่วยหนุนราคาจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศคว้าบาตรเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรก หลังจากเกาหลีเหนือเดินหน้าทดสอบอาวุธ ซึ่ง รวมถึงการทดสอบยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic Missile) จํานวน 1 ลูกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 ม.ค.) และยิงทดสอบจํานวน 2 ลูกในสัปดาห์ที่แล้ว อีก ทั้งคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การที่จีนตัดสินใจยกเลิกเที่ยวบินจากสหรัฐเพิ่มขึ้น หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อเดินทาง มาถึง พร้อมกับเตือนว่าสหรัฐจะใช้มาตรการตอบโต้ ด้านนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อํานวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยในวันพุธ (12 ม.ค.) ว่า เงิน เนื้อในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในไตรมาส 2/2565 รวมถึงเกาหลีใต้ได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิต-19 ของบริษัทโนวาแวกซ์ อิงค์ ในวันนี้ และเตรียมแจกจ่าย ยาเม็ดต้านโควิดของไฟเซอร์ชุดแรก เพื่อเพิ่มการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมครอน ประเด็นเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่มากดดันราคาทองคําได้เช่นกัน สําหรับคืนนี้แนะนําให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI), ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) เดือนธ.ค. และจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ครั้งแรกรายสัปดาห์
คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อ 1,814-1,810
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,830-1,834
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสกานะซื้อหากหลุด $1,797
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th