ทุกวันนี้โลกของเรามีสกุลเงินดิจิทัลมากเกินไปหรือไม่?

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในยุคไหน ตลาดลงทุนที่ได้กำไรมากๆ ก็ยังคงเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเสมอ ตั้งแต่ปี 2010 ที่บิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมาจาก 5 เซนต์ ขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดเกือบ $70,000 ในปีที่แล้ว จนถึงวันนี้ได้เกิดสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมามากมาย เหรียญใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่ว่าจะตั้งใจสร้างอนาคตขึ้นมาจริงๆ หรือทำไปเพื่อหลอกคนโลภ ต่างก็ทำให้ผู้คนหันมาสนใจตลาดแห่งนี้

ไม่ว่าจะจริงหรือหลอก แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้สกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชนกำลังเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นก็นำมาซึ่งการเก็งกำไรที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างที่เห็นในปีที่แล้ว ความผันผวนที่เกิดขึ้นเคยทำให้คนธรรมดากลายเป็นคนรวยได้ และเช่นกัน ก็ใช้เวลาไม่นานในการทำให้คนหมดตัวได้ด้วยเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้คนหยุดสนใจในการสร้างสกุลเงินดิจิทัล สร้างโอกาสใหม่ๆ ขึ้นมาบนโลก คำถามคือตอนนี้โลกของเรามีสกุลเงินดิจิทัลมากเกินไปหรือไม่

ภาพรวมตลาดสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบัน

ถึงแม้ว่าปี 2021 จะเป็นปีขาขึ้นของทั้งบิทคอยน์และอีเธอเรียม แต่ปีที่แล้วเกิดความแตกต่างในเชิงของการสร้างแนวโน้มขาขึ้นอยู่พอสมควร หากวัดจากจุดสิ้นสุดของปี 2020 มาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมปีที่แล้ว จะพบว่าบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมาทั้งหมด 57.8% ในขณะที่อีเธอเรียมสามารถทำขาขึ้นได้เกือบ 392%

ที่มา: Barchart

กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นจุดสูงสุดตลอดกาลของบิทคอยน์ในวันที่ 10 พฤศจิกายนปี 2021 ที่ $68,906.48 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดดังกล่าว 32.7%

ที่มา: Barchart

กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นจุดสูงสุดตลอดกาลของอีเธอเรียมในวันที่ 10 พฤศจิกายนปี 2021 ที่ $4,865.426 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดดังกล่าว 24%

อุปสงค์และอุปทานคือหลักการของทุกสิ่ง

ทฤษฎีอุปทานและอุปสงค์พื้นฐานสอนว่าอุปทานมีแนวโน้มที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับระดับอุปสงค์ ในโลกของสกุลเงินดิจิทัล การขึ้นของบิทคอยน์และอีเธอเรียม ได้สร้างเศรษฐีหลายล้านคน ผู้ที่มองการณ์ไกลในการซื้อเหรียญดิจิทัลและสินทรัพย์อื่นเมื่อราคาต่ำ ก่อนจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโชคลาภ ทุกครั้งที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีขาขึ้น ผู้เข้าจะหลั่งไหลเข้าสู่ตลาด แห่กันไปที่ตลาดกระทิงเพื่อขอเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟขาขึ้น ความสำเร็จในสกุลเงินดิจิทัลก่อให้เกิดเหรียญใหม่จำนวนมาก จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในปีที่ผ่านมา เราถึงได้เห็นบทความที่มีการนำเสนอเหรียญคริปโตฯ เพิ่มขึ้น

ตลาดกระทิงสามารถสร้างความคลั่งไคล้ในการเก็งกำไร ส่งผลให้นักลงทุน นักชิงโชค นักเก็งกำไร หรือคำอะไรก็ตามที่อยากใช้เรียกหรูๆ เต็มใจซื้อสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แม้ราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนใครซื้อห้าเซนต์ของบิทคอยน์เคยถูกหาว่าไร้สาระ มาวันนี้การซื้อบิทคอยน์ที่ $60,000 กลายเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลไปเสียได้

ผมเริ่มตามเก็บข้อมูลของสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปี ในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2019 มีสกุลเงินดิจิทัลจำนวน 2,136 เหรียญวนเวียนอยู่ในโลกออนไลน์ แต่เมื่อถึงสิ้นปี 2019 ตัวเลขนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 4,986 เหรียญ ต่อมาในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 1 ช่วงสิ้นปี 2020 จำนวนสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นเป็น 8,153 เหรียญ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2021 มีสกุลเงินดิจิทัลอยู่ทั้งหมด 16,238 เหรียญ เฉพาะปี 2021 ปีเดียว จำนวนสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้น 99.2% และล่าสุดในวันอังคารที่ 4 มกราคม มีจำนวนเหรียญสกุลเงินดิจิทัลอยู่ทั้งหมด 16,372 เหรียญ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามที่ได้ให้ข้อมูลไป สร้างภาพมายาคติของความอยากเป็น “นิวบิทคอยน์และนิวอีเธอเรียม” แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ใช่ทุกเหรียญสามารถกลายเป็นเช่นนั้น ทุกวันนี้มีสกุลเงินดิจิทัลไม่ถึงหยิบมือเท่านั้นที่สามารถไว้ใจได้ ในขณะที่เหรียญอื่นๆ มากกว่า 10,000 เหรียญทำได้เพียงเกิดมา สร้างจุดสูงสุด และดับไป

เอาเข้าจริงๆ แล้ว โลกสกุลเงินดิจิทัลไม่ได้สวยงามเหมือนในภาพฝัน โลกที่ไม่มีระบบความคิดแบบรวมศูนย์มาควบคุม กลับกลายเป็นว่านี่คือโลกแห่งการที่ใครมีเงินมากกว่าก็สามารถลากราคาไปทางไหนก็ได้ตามใจชอบ และกว่าผู้ที่แข็งแกร่งจะก้าวขึ้นมาเป็นที่ยอมรับได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่นานพอสมควร นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้น ที่มีสิทธิ์เป็นผู้ชนะ

ทุกวันนี้เอกชนเองก็ได้มีการผลักดันให้เกิดการใช้สกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นระบบมากขึ้น แม่ทัพอย่างแจ็ค ดอร์ซีย์ CEO ของสแควร์ (NYSE:SQ) อดีตผู้สร้างทวิตเตอร์และอีลอน มัสก์ เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (NASDAQ:TSLA) และบุคคลแห่งปี 2021 จากนิตยสารไทม์ต่างออกมาสนับสนุนการใช้สกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะโดจคอยน์อยู่ตลอดเวลา การเติบโตนี้ควบคู่ไปกับการทำระบบให้เป็นพลังงานสะอาด และการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว ได้ประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่อีเธอเรียมมีแต่บิทคอยน์ไม่มี

ของเลียนแบบก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่นักลงทุนคริปโตฯ ต้องระวัง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ของยอดนิยมมักจะถูกเลียนแบบอยู่เสมอ เกิดเป็นสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ผู้ที่สนใจต้องรับความเสี่ยง คัดเลือกของแท้และของเทียมด้วยตัวเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผลแนะนำอยู่เสมอว่าจงอย่างลงทุนด้วยเงินทั้งหมดที่มี ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่หอมหวาน แต่หากไม่ระวังก็สามารถสร้างบาดแผลให้กับผู้ถือได้ 

สำหรับบางคนจำนวนเหรียญ 16,370 ในระบบอาจจะดูมากเกินกว่าจะยอมรับได้ แต่เชื่อเถอะว่ายิ่งจำนวนเหรียญเหล่านี้เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้โอบรับโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป ในวันที่เรามีความรู้อยู่ในโทรศัพท์มือถือ ที่สามารถหาข้อมูลได้อย่างง่ายดายแล้ว จงใช้มันสร้างเกราะกำบังแห่งความรู้ และเลือกลงทุนกับเฉพาะสกุลเงินดิจิทัลที่เชื่อถือได้ ในระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ นั่นจึงจะเป็นหนทางการลงทุนในโลกสกุลเงินดิจิทัลที่ยั่งยืน