ปี 2021 สำหรับนักลงทุนในวอลล์สตรีทถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่น่าจดจำ เพราะดัชนีหลักไม่ว่าจะเป็นดาวโจนส์ เอสแอนด์พี 500 แนสแด็กต่างก็สามารถจบปี 2021 ได้ด้วยการทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ แม้ว่าจะมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดอยู่ก็ตาม
ในปี 2022 ที่พึ่งจะมาถึง แม้จะได้ชื่อว่าเป็นปีที่จะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มกำลัง แต่โลกของเราก็ยังคงต้องเผชิญความเสี่ยงจากภัยโรคระบาดอยู่เช่นเคย แต่ปีนี้จะมีความพิเศษเพิ่มเข้ามาเมื่อธนาคารกลางของโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย คำถามสำคัญก็คือในปีนี้หุ้นตัวไหนที่จะเติบโดเพราะอานิสงส์การเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลาง และไม่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่ได้กล่าวถึงไป ในบทความนี้เราจะพาไปดูกัน
1. Alphabet
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคนี้หุ้นเทคโนโลยีมาแรงเกินต้านจริงๆ ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ก็ไม่ต่างอะไรกับการได้ครองโลกไปแล้วทั้งใบ และบริษัทแรกที่เราจะมานำเสนอเชื่อว่าทุกท่านคงรู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะบริษัทแม่ของระบบเสิร์ชเอ็นจิ้นนาม “กูเกิล” อย่างบริษัทอัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL)
ในปี 2021 หุ้นของบริษัทอัลฟาเบตได้ชื่อว่าเป็นหุ้นที่เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม “FAAMG” สรุปแล้วตลอดทั้งปี หุ้นกูเกิลสามารถปรับตัวขึ้นได้ทั้งหมด 65% มีราคาซื้อขายเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $2,887.99 และได้สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ระดับราคา $3,037.00 ปัจจุบันมูลค่าตามตลาดของบริษัทอัลฟาเบตมีตัวเลขอยู่ที่ $1.92 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตามหลังเป็นอันดับสามรองจากบริษัทอันดับหนึ่งอย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) และอันสองอย่างไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) อยู่
ขาขึ้นในปี 2021 ของหุ้นกูเกิลสามารถตีความได้ว่าตลาดการโฆษณาออนไลน์และความต้องการแพลตฟอร์มคลาวด์จะยังคงได้รับความนิยมต่อไป ในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว กำไรจากทั้งสองแหล่งที่ได้กล่าวมาเพิ่มขึ้น 45% คิดเป็นตัวเลข $4,990 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำไรจากการฝากโฆษณาบน YouTube $7,210 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 ความสำคัญของเทคโนโลยีคลาวด์ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญของโลกออนไลน์ และเป็นเหตุผลให้นอกจากกูเกิลแล้ว เขายังมีคู่แข่งเป็นยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟต์และแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) อีก
ในปี 2022 นักวิเคราะห์คาดว่ากูเกิลจะยิ่งทำกำไรจากการฝากโฆษณาได้มากขึ้น เมื่อบริษัทส่วนใหญ่สามารถฟื้นตัวกลับมาจากวิกฤตโควิดได้ เฉพาะกำไรจากการฝากโฆษณา อัลฟาเบตรายงานว่าเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2020 43% หรือคิดเป็น $53,100 ล้านเหรียญสหรัฐจากในช่วงเวลาเดียวกันของไตรมาสก่อนหน้า นักวิเคราะห์จาก InvestingPro ได้ใช้โมเดลคำนวณเชิงปริมาณจนได้ข้อสรุปว่าในระยะเวลา 12 เดือนมีโอกาสที่หุ้นอัลฟาเบตจะปรับตัวขึ้นอีก 15.9% จากระดับราคาปัจจุบัน คิดเป็นราคาหุ้นอยู่ที่ $3,348.46 ต่อหุ้น
ที่มา: InvestingPro
2. NVIDIA
หุ้นตัวที่สองยังคงอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี แต่คราวนี้เปลี่ยนจากกลุ่มฝากโฆษณามาเป็นผู้สร้างชิปและการ์ดจอประมวลผล ความต้องการทำศูนย์กลางข้อมูล ความต้องการเล่นเกมส์ที่มีคุณภาพกราฟฟิกสูง หรือแม้กระทั่งความต้องการการ์ดจอเพื่อนำไปขุดเหรียญคริปโตฯ ได้ทำให้หุ้นของบริษัทเอ็นวีเดีย (NASDAQ:NVDA) กลายเป็นอีกหนึ่งผู้ชนะในปี 2021 ด้วยขาขึ้นของราคาหุ้น 125% จากความต้องการชิปคอมพิวเตอร์ประมวลผล และปีนี้พวกเขาตั้งเป้าที่จะเดินหน้าเข้าสู่โลกของเมต้าเวิร์ส
ราคาซื้อขายหุ้นเอ็นวีเดียล่าสุดเมื่อวันอังคารมีราคาปิดอยู่ที่ $292.90 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $346.47 ในวันที่ 22 พฤศจิกายน มีมูลค่าตามตลาดรวมแล้วอยู่ที่ $732,200 ล้านเหรียญสหรัฐ รั้งตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในอเมริกาเป็นอันดับเจ็ดตามหลังธนาคารเจพีมอร์แกน (NYSE:JPM) วอลล์มาร์ท (NYSE:WMT) และเอ็กซอน โมบิล (NYSE:XOM)
ความแข็งแกร่งของธุรกิจเอ็นวีเดียสะท้อนออกมาผ่านรายงานผลประกอบการที่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ในทุกไตรมาสของปี 2021 และบริษัทเอ็นวีเดียก็คาดการณ์ด้วยตัวเองว่าแนวโน้มความสำเร็จนี้จะคงอยู่ต่อไปในปี 2022 พวกเขาไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าจะมีปัจจัยอะไรมาชะลอการเติบโตและความต้องการทางเทคโนโลยีได้ เอ็นวีเดียคาดการณ์ว่ารายได้แบบปีต่อปีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 48% คิดเป็นเงิน $7,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากกำไรที่ได้จากตลาดเกมมิ่ง ศูนย์กลางข้อมูล และการขายการ์ดจอแล้ว การก้าวเข้าสู่โลกเมต้าเวิร์สของเอ็นวีเดียถือเป็นอะไรที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก พวกเขาเป็นบริษัทที่ผลิตการ์ดจอคุณภาพเป็นอันดับต้นๆ ของวงการ พวกเขาย่อมรู้วิธีที่จะสร้างภาพเสมือนบนแพลตฟอร์ม 3D ออกมาอย่างไรให้มีความสมจริงมากที่สุด นักวิเคราะห์ 36 คนจาก 48 คนของ Investing.com ยังให้ความเห็นว่าหุ้นเอ็นวีเดียเป็นหุ้นที่ “โดดเด่น” และมีโอกาสเติบโตขึ้นอีก 16% จากระดับราคาในปัจจุบัน
ที่มา: Investing.com
3. Roblox
บริษัทผู้สร้างและให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนาเกม 3 มิติ “โรบล็อกซ์” (NYSE:RBLX) ถือเป็นม้ามืดที่พึ่งได้ลิสต์ขึ้นตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อเดือนมีนาคมปี 2021 กระแสเมต้าเวิร์สก่อให้เกิดความต้องการพัฒนาเกมออนไลน์แบบสามมิติ และนั่นทำให้หุ้นของโรบล็อกซ์ในปีที่แล้วปรับตัวขึ้น 48% มีราคาปิดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $95.15 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ $141.60 มีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ $55,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
จริงอยู่ว่าตอนนี้มูลค่าหุ้นของโรบล็อกซ์จะปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาล 32% แต่ด้วยกระแสเมต้าเวิร์สตามที่ได้กล่าวไป จะช่วยให้ความต้องการหุ้นตัวนี้กลับมาได้ เพราะสิ่งที่โรบล็อกซ์ทำนั้นสอดคล้องกับกระแสใหม่ของโลกอย่างพอดิบพอดี ผู้บริหารระดับสูงของโรบล็อกซ์ออกมากล่าวเองเลยว่าตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสามหรือห้าปีข้างหน้า บริษัทจะเปิดรับวิศวกรที่มีความรู้เกี่ยวกับเมต้าเวิร์สเสมอ ตอนนี้มีบริษัทที่ให้ความสนใจไปจับจองพื้นที่ในโลกเสมือนจริงของโรบล็อกซ์แล้วอย่างเช่น Nike (NYSE:NKE), Chipotle Mexican Grill (NYSE:CMG) และ VF Corporation's (NYSE:VFC)
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ในวันที่ 8 พฤศจิกายน โรบล็อกซ์รายงานว่ากำไรสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ นอกจากนี้ ตัวเลขยอดผู้ใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มรายวันโดยเฉลี่ย (DAU) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 31% คิดเป็นเงินมูลค่า $47,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และยอดผู้ใช้เวลาบนแพลตฟอร์มของโรบล็อกซ์ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 28% คิดเป็น 11.2 พันล้านชั่วโมงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามกำไรของบริษัทกลับติดลบเพราะต้นทุนค่าดำเนินงานที่สูงเกินไป
ที่มา: Investing.com
ถึงกระนั้น นักวิเคราะห์จาก Investing.com จากทั้งหมด 9 ใน 12 คนยังยกให้หุ้นโรบล็อกซ์มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ในปีนี้ และโพลผลสำรวจยังบอกอีกด้วยว่า 9 คนนั้นเชื่อว่าหุ้นโรบล็อกซ์มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากระดับราคาในปัจจุบันอีก 22% ขึ้นเป็น $116.36 ต่อหุ้น