1Q22: The Best Time of Year SET: คาดไตรมาสที่ 1 จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ หลังปัจจัยแวดล้อมเชิงบวกทั้งในและต่างประเทศจะกระจุกอยู่ในช่วงนี้ แทบทั้งหมด ถึงแม้เราจะเห็นจํานวนผู้ติดเชื้อ Omicron" ในประเทศเพิ่มขึ้น ก็ตาม แต่ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์และเล็งเห็นมาก่อนหน้า นี้แล้ว ตราบใดที่อัตราความรุนแรงและการสูญเสียยังอยู่ในระดับจากัด คาดเช่นเดิมว่าภาครัฐจะไม่มีการถอยหลังกลับไปเริ่มต้นใช้มาตรการ Lockdown คนในประเทศอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นสมมติฐานการลงทุนที่ สําาคัญที่สุดของเราในช่วงแรกของปีนี้ ในขณะที่ล่าสุด ยังคงเห็น สัญญาณที่ดีต่อเนื่องในส่วนของ Fund flow โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ์ หุ้นไทยติด 8 วันติดต่อกันด้วยยอดสะสม 2.3 หมื่นล้านบาทแล้ว ส่วนทางด้านฝั่งนักลงทุนสถาบันในประเทศนั้น ประเมินมีโอกาสสูงที่ จะกลับมาซื้อสุทธิในเดือนม.ค.นี้ เหมือนภาพ 8 ปีก่อนหน้านี้ที่เปิดให้มี การไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกําหนดใหม่ เนื่องจากประเมินเม็ดเงินไก่ ถอนกองทุน LTF ที่ครบกําหนดในเดือนนี้เพียง 1.1 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าแทบไม่มีนัยสําคัญ เมื่อเทียบกับสภาพคล่องของนักลงทุนกลุ่มนี้ที่ เพิ่มขึ้นถึง 1.7 หมื่นล้านบาทนับตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา หากนักลงทุน สถาบันกลุ่มนีเริ่มซื้อหุ้นกลับตามที่เราคาดจริง มองจะยิ่งเป็นแรงส่งให้กับ SET ได้อีกต่อหนึ่ง 1800: ล่าสุด เมื่อวันสุดท้ายของปีก่อน SET Index ขยับขึ้นแตะระดับ เป้าหมายกรณีฐานของเราที่ 1660 จุดไปแล้ว ประเมินเป้าหมายถัดไป ของ SET ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สุดที่จะไปถึงได้ (Stretch level) ของปี นี้จะอยู่ที่ระดับ 1800 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่า Forward PE กรณีดสุด ของเราที่ 16.8x และประมาณการ EPS ปี 2023 ที่ระดับ 107 บาท นอกจากนั้น ระดับ 1800 จุดดังกล่าวยังเป็นระดับที่จะทาให้ Earning yield gap กลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ย ณ ระดับ Bond yield สหรัฐฯ 10 ปีล่าสุดที่ 1.63%% ด้วยเช่นกัน (รูปที่ 1) ทั้งนี้ หากจะเห็น SET ขึ้นทดสอบระดับ 1800 จุด นี้ ประเมินว่าจะต้องเห็นภายในช่วงไตรมาสที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่สุดของปีนี้ Picks: เรายังคงแนะน่าถือครอง
2 กลุ่มหุ้นสําคัญเพื่อ Let profit run ต่อไป ได้แก่ 1) กลุ่มหุ้นที่องกับการบริโภคภายในประเทศ ได้แก่ KBANK (BK:KBANK), BBL,BJC, CPALL (BK:CPALL), HMPRO, DOHOME, COMZ, M, ORI, SPALI, SIRI, BEM, BTS, PLANB, MAJOR, VGI, PF&REIT หลังตัวเลข จากธปท.ล่าสุดบ่งชี้ว่ามีโมเมนต้มต่อเนื่องในเดือนพ.ย. โดยเฉพาะ การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทน นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยบวกที่รออยู่ ได้แก่มาตรการ “ช้อปก็มีคน” ในช่วงต้นปี เราประเมิน Earmings ของ กลุ่มเหล่านี้โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกจะยังคงเห็นสัญญาณการ Upgrade อย่างต่อเนื่อง โดยมีหุ้นในกลุ่มที่ยังคงปรับตัว Laggard ทั้งในแง่ของ Price performance และ Valuation ได้แก่ BJC, CPALL, KBANK, DOHOME
แนวรับ 1,648 แนวต้าน 1,665
2) กลุ่มหุ้นปันผลสูงที่มีความเชื่อมั่นเกินกว่า 80% ว่าจะให้ผลตอบแทน Total return เป็นบวกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ SCC, TISCO, AP, ADVANC, PTT (BK:PTT), INTUCH, BBL, LH, GUNKUL, PTTEP, SIRI, SENA, SC, MAJOR, ToG, PSH ซึ่งในกลุ่มนี้มี BBL, SIRI, SC, MAJOR ที่ยังคง Laggard ทั้งในแง่ของ Price performance และ Valuation Liquidity: หนึ่งในตัวแปรสําคัญที่จะช่วยสนับสนุนราคาสินทรัพย์ทั่วโลกในช่วงไตร มาสที่ 1 นี้ ได้แก่สภาพคล่องทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและยังคงเพิ่มขึ้น สะท้อน ผ่านขนาดงบดุลของธนาคารกลางต่างๆที่ยังคงสูงขึ้น (รูปที่ 2) หลังจากที่ Fed และ ECB ยังคงดําเนินมาตรการ QE ต่อไป แม้ว่าจะมีอัตราเร่งที่ลดลงก็ตาม ส่วนทางด้าน สภาพคล่องภายในประเทศที่สะท้อนผ่าน M2 นั้น ล่าสุดธปท.รายงานตัวเลขเดือน พ.ย. อยู่ในระดับสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว มองเป็นปัจจัย ประคับประคองราคาสินทรัพย์ในประเทศต่อไปเช่นกัน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities