สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระหว่างวันราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบแคบ จนกระทั่งปรับตัวลดลงแรงหลังจากสหรัฐเปิดเผยต้นทุนแรงงานต่อหน่วยของ สหรัฐพุ่งขึ้น 9.6% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากเพิ่มขึ้น 5.9% ในไตรมาส 2 ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อระดับสูงในสหรัฐจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งเป็น ปัจจัยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 96.592 ประกอบ กับนักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) หลัง COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีแนวโน้มมีอาการไม่รุนแรง ส่งผลให้เกิดแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งผลักดันดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ พร้อมกับกระตุ้นแรงขายพันธบัตรรัฐบาลซึ่งหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ให้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.482% จนกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม ปัจจัยที่กล่าวมาแม้จะกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,772.35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่แรงซื้อ Buy the dip ในตลาดทองคำยังคงแข็งแกร่ง ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐ, แรงซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ, ความไม่ แน่นอนเกี่ยวกับ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอน รวมไปถึงดัชนีดอลลาร์ลดช่วงบวกลงในปลายตลาด สถานการณ์ดังกล่าวช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวกในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTS Job Openings)ของสหรัฐ
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,796 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากครั้งที่ ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมา อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับอยู่ที่ 1,772-1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาอาจพยายามทรงตัวและดีดตัวขึ้น
คำแนะนำ
เปิ ดสถานะขาย 1,796-1,808
จุดทำกำไร
ซื้อคืนเพื่อทำกำไร $1,772-1,767
ตัดขาดทุน
ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,808
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th