ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวร่วงลงไป 2.27% ในวันศุกร์ กลายเป็นขาลงหนักที่สุดในรอบเก้าเดือน และเป็นเหตุการณ์เทขายในเอสแอนด์พี 500 หลังวันหยุดขอบคุณพระเจ้าที่แรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1941 สะท้อนให้เห็นความกังวลที่ตลาดลงทุนมีต่อภาวะเงินเฟ้อและการระบาดระลอกใหม่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในยุโรป
“โอไมครอน” หรือโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกค้นพบ ณ แอฟริกา กลายเป็นคำใหม่ที่ถูกพูดถึงอย่างรวดเร็วทันที ถึงแม้ว่าตอนนี้โลกเราจะมีข้อมูลเกี่ยวกับโอไมครอนน้อยมาก แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าให้ทั่วโลก “เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด” แสดงให้เห็นว่าโอไมครอนมีความอันตรายมากกว่าโควิดสายพันธุ์อื่นๆ ที่เคยมีมา
ถึงสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ถือเป็นสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคมด้วย ดังนั้นตลาดลงทุนจึงเต็มไปด้วยประเด็นที่น่าจับตามองอย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่นสถานการณ์การระบาดของโอไมครอน การประชุมประจำเดือนของกลุ่ม OPEC+ ที่ตอนนี้มีข่าวว่าอาจจะเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ถ้อยแถลงของประธานเฟด และรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญอย่างเช่นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร
นอกจากนี้ก็จะมีการรายงานตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ของบางบริษัทที่ควรให้ความสำคัญ ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Salesforce (NYSE:CRM), Crowdstrike (NASDAQ:CRWD) และ DocuSign (NASDAQ:DOCU) เช่นเคย บทความนี้จะพาคุณผู้อ่านไปดูว่าท่ามกลางสถานการณ์ความผันผวนที่คาดว่าจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง มีหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจ และหุ้นตัวไหนที่ไม่ควรไปแตะต้องในสัปดาห์นี้
หุ้นน่าซื้อ: Novavax
ความกังวลที่มีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดจนทำให้หันไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึงชื่อ “โอไมครอน” กันหมด เชื่อว่าจะทำให้หุ้นของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิดที่ถือว่ามีความโดดเด่นในสายตาเราตอนนี้คือบริษัทโนวาแวค (NASDAQ:NVAX) ว่ากันว่าตอนนี้โนวาแวคกำลังพัฒนาวัคซีนที่สามารถต่อกรกับการกลายพันธุ์ได้โดยเฉพาะ ล่าสุดมีรายงานออกมาจากโนวาแวคโดยตรงว่าพวกเขามีวัคซีนตัวใหม่ที่พร้อมสำหรับการทดสอบแล้ว และจะเริ่มผลิตภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ราคาหุ้นของบริษัทโนวาแวคมีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $217.97 เริ่มต้นปี 2021 ด้วยมูลค่า $111.51 ก่อนที่จะสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลในปีนี้เอาไว้ได้ที่ $331.00 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ $16,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของโนวาแวคปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งหมด 95.5% เทียบกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกัน 22.3%
ขาขึ้นของโนวาแวคในปีนี้เกิดจากความคาดหวังที่มีต่อการสร้างวัคซีนที่จะมาจบปัญหาวิกฤตโรคระบาดที่กินเวลามาสองปีเต็มครั้งนี้ได้ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา วัคซีนของโนวาแวคพึ่งจะได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นวัคซีนฉุกเฉินจากประเทศอินโดนิเซีย และได้รับอนุญาตให้ติดตามผลของผู้ใช้งานได้จากอินโดนิเซียและสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้โนวาแลคได้ยื่นเรื่องขอรับรองวัคซีนจากยุโรปและแคนาดาแล้ว
หุ้นน่าทิ้ง: American Airlines
เราต่างก็ทราบกันดีว่าการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสามารถสร้างผลกระทบให้กับภาคการท่องเที่ยวได้มากขนาดไหน และเมื่อมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมา ธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มนี้ต่างก็ต้องมานั่งกังวล พิจารณาความเสี่ยงกันใหม่อีกครั้ง และหุ้นในกลุ่มสายการบินก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่ในบรรดาหุ้นสายการบิน เรามองว่าหุ้นที่ไม่ควรไปยุ่งเลยในสัปดาห์นี้คือสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ (NASDAQ:AAL)
ความพยายามที่จะให้การเดินทางกลับมาเป็นปกตินั้นทำให้ตั้งแต่ทวีปแอฟริกาประกาศการถือกำเนิดขึ้นของโอไมครอน ก็มีข่าวพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร เยอรมัน อิตาลี เบลเยี่ยม ออสเตรีย อิสราเอล ฮ่องกง การที่โอไมครอนสามารถกระจายตัวไปได้เร็วเช่นนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะการเดินทางด้วยเครื่องบิน และนี่อาจจะเป็นเหตุผลให้สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ที่มีเส้นทางบินไปยัง 126 ประเทศ มีโอกาสถูกแบนมากขึ้น
ข่าวการมีอยู่ของโอไมครอนได้ส่งให้ราคาหุ้นของอเมริกันแอร์ไลน์ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบเก้าเดือนที่ $17.75 เมื่อวันศุกร์ ลดระดับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดลงเหลือ $11,500 ล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็นสายการบินที่มึมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับสี่รองจากสายการบินหลักอื่นๆ อย่างเช่น Southwest Airlines (NYSE:LUV), Delta Air Lines (NYSE:DAL) และ United Airlines (NASDAQ:UAL)
ราคาหุ้นในตอนนี้ถือว่าลงมาจากจุดสุงสุดหลังการระบาดที่ $26.09 อยู่ประมาณ 32% ถึงกระนั้น เราเชื่อว่าหุ้นสายการบินอื่นก็จะได้รับผลกระทบในลักษณะเดียวกันด้วย