รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ถึงจะงัดเอาน้ำมันสำรองออกมาใช้ก็ใช่ว่าจะทำให้ OPEC+ ขยับได้

เผยแพร่ 25/11/2564 10:26
อัพเดท 09/07/2566 17:31

เพื่อต่อสู้กับปัญหาน้ำมันแพง เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจึงได้ประกาศแผนดึงน้ำมันออกมาจากคลังน้ำมันยุทธศาสตร์แห่งชาติ (SPR) ออกมาใช้ นอกจากนี้เขายังขอความร่วมมือไปยังชาติอื่นๆ อย่างเช่นอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี แม้ว่าแต่ละประเทศจะขอเวลาในการพิจารณาตัวเลขน้ำมันที่จะนำออกมาใช้อย่างเหมาะสมก็ตาม WTI Weekly TTM

ในบทความนี้ เราจะพาผู้อ่านไปพบกับข้อมูลที่คุณควรทราบ และสิ่งที่จะเกิดผลกระทบขึ้นกับตลาดน้ำมัน

รายละเอียดการประกาศของโจ ไบเดนและความร่วมมือของชาติพันธมิตร

ทำเนียบขาวประกาศว่าจำนวนน้ำมันที่จะถูกดึงออกมาจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) จะมีทั้งหมด 50 ล้านบาร์เรล จำนวนนี้คิดเป็น 10% ของ SPR ทั้งหมด และคิดเป็นการใช้งานน้ำมันของชาวอเมริกันทั้งหมด 2 วันกับอีก 12 ชั่วโมง (อ้างอิงจากข้อมูลอุปสงค์น้ำมันของชาวอเมริกันในปี 2019)

ในตอนนี้ปริมาณน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ทั้งหมดมีตัวเลขอยู่ที่ 700 ล้านบาร์เรล จากจำนวน 50 ล้านบาร์เรลนั้น ตอนนี้ 18 ล้านบาร์เรลได้ถูกขายออกไปแล้ว ในฐานะส่วนหนึ่งของงบประมาณที่สภาคองเกรสอนุมัติให้ผ่านตั้งแต่ปลายสมัยที่สองของประธานาธิบดีบารัก โอบามา แผนที่โจ ไบเดนประกาศออกมานี้เป็นเพียงการเร่งความเร็วให้กับการปล่อย SPR สามารถนำออกมาใช้ได้เร็วขึ้น น้ำมันอีก 32 ล้านบาร์เรลที่เหลือนี้จะถูกขายให้กับบริษัทเอกชน ที่ต้องการนำไปเติมซัพพลายของตัวเอง คาดว่าการดำเนินการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 6 ธันวาคม

ส่วนความเคลื่อนไหวของชาติพันธมิตรที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ อินเดียยินดีที่จะนำ SPR ของตัวเองออกมาใช้ทั้งหมด 5 ล้านบาร์เรล จากทั้งหมด 39 ล้านบาร์เรล ตัวเลขนี้ถือว่าน้อยกว่าปริมาณการใช้งานของชาวอินเดียภายในวันเดียวเสียอีก สหราชอาณาจักรยินดีที่จะดึงน้ำมันออกจากคลังสำรองเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ญี่ปุ่นยังอยู่ในระหว่างการหารือว่าจะนำออกมาเท่าไหร่ และจะดำเนินการวันไหน 

ถึงแม้ว่าประเทศจีนและเกาหลีใต้จะตอบรับคำเชิญของสหรัฐฯ แต่สถานการณ์โดยรวมนั้นก็ยังคล้ายกันกับของประเทศญี่ปุ่น แต่ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ยังไม่สามารถเชื่อถือได้ระบุว่าจีนอาจจะนำน้ำมัน SPR ออกมาใช้ทั้งหมด 7.33 ล้านบาร์เรล

ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดลงทุน

หลังจากการประกาศของโจ ไบเดน ราคาน้ำมันดิบ WTI ก็ปรับตัวขึ้นทันที 2.6% นักวิเคราะห์เชื่อว่าสาเหตุที่ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้นเพราะมีสัญญาที่จะขายน้ำมัน SPR ในอนาคต ถ้าหากมีคนขาย ก็ต้องแปลว่ามีคนยอมซื้อ SPR ในอนาคตด้วย นั่นจึงทำให้ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้น ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนก็เชื่อว่าการนำ SPR ออกมาใช้ในครั้งนี้จะมากกว่าจำนวนตัวเลขที่ข่าวนำเสนออยู่ในปัจจุบัน จำนวนนี้อาจจะมากพอจนทำให้ OPEC+ ต้องประกาศสงครามราคาน้ำมันกับฝั่งที่ทำ SPR ออกมาใช้เลยก็เป็นได้

สำนักข่าวกูรูด้านพลังงานอย่าง GasBuddy คาดการณ์ว่าหลังจากที่ SPR ถูกนำออกมาใช้แล้ว ชาวอเมริกันจะได้เห็นราคาน้ำมันปรับตัวลดลง 15-30 เซนต์ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่พวกเขาเชื่อว่าจะไม่ใช่การร่วงลงอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีปั้มน้ำมันไหนยอมให้ราคาน้ำมันลงเร็วอย่างนั้นในช่วงเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้าแน่นอน

การตอบโต้จากกลุ่ม OPEC+

จนถึงตอนนี้กลุ่ม OPEC+ ก็ยังไม่ได้ออกมาพูดถึงแผนการนำ SPR ของประเทศมหาอำนาจแต่อย่างใด จึงทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ไปว่าผลการประชุมประจำเดือนของกลุ่ม OPEC+ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคมนี้อาจจะยังคงยึดมั่นในตัวเลขการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวันต่อไป ข้อมูลนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กเป็นผู้รายงานโดยอ้างอิงมาจาก IEF

ข้อมูลจาก S&P Global Platts เปิดเผยว่ากลุ่ม OPEC ไม่ได้กังวลกับแผนดึงน้ำมันยุทธศาสตร์ชาติของอเมริกาและชาติพันธมิตรออกมาใช้เลย ตัวแทนจากกลุ่มโอเปกกล่าวเอาไว้ว่าเช่นนี้

“เรา (หมายถึงโอเปก) ไม่ได้กังวลเลยว่าสหรัฐฯ หรือจีนจะดึงน้ำมันสำรองออกมาใช้อย่างไร เพราะถ้าสุดท้ายแล้วตลาดเกิดสภาวะอุปทานล้นตลาด สิ่งที่โอเปก+ สามารถเลือกทำได้ก็คือคงการผลิตเอาไว้ดังเดิม หรือลดกำลังการผลิตก็เท่านั้น”

ซูฮาอิล มาซโรไน รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าวว่า

“ผมไม่คิดว่า OPEC+ จะเปลี่ยนแผนกำลังการผลิตน้ำมันที่เป็นอยู่ในตอนนี้ในการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเรามองไปที่ความเป็นจริงเท่านั้น เราสนใจเพียงปริมาณการใช้งานน้ำมันในตลาดโลก และเราจะตัดสินใจตามความเป็นจริงเหล่านั้น” 

จากข้อมูลที่ได้มา จึงมีความเป็นไปได้ว่าการประชุมออนไลน์ของกลุ่ม OPEC+ ในสัปดาห์หน้า พวกเขาจะคุยกันถึงความเหมาะสมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน โอเปกอาจจะไม่สนใจเสียงตะโกนของอเมริกาเลยก็ได้ แต่จะให้น้ำหนักไปที่ตัวเลขน้ำมันสำรองของโลก และความต้องการน้ำมันของประเทศจีน 

การประชุมของกลุ่ม OPEC ในสัปดาห์หน้า จึงเป็นสถานการณ์ที่ควรจับตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ใช่เฉพาะผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตลาดน้ำมันโลก แต่ในมุมมองทางการเมืองด้วย หาก OPEC ยอมชะลอแผนการผลิต 400,000 บาร์เรล จะเท่ากับว่าไบเดนได้รับชัยชนะในแง่ของความสามารถในการทำให้ OPEC ยอมทำตามได้ แต่ถ้าไม่ ก็เหมือนกับว่า OPEC นั้นไม่เห็นคำพูดของสหรัฐอเมริกาอยู่ในสายตาเลย

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย