ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง S&P500 และ NASDAQ ทำจุดสูงสุด ใหม่ ส่วนตลาดหุ้นไทยยัง Outperform เด่น โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 วันทำการ ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1650 จุด ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่า ต่อเนื่อง (ทำจุดต่ำสุดรอบ 2 เดือน) เป็นแรงส่งให้ Fund Flow ยังมีโอกาส ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้ต่อ รวมถึงนักลงทุนสถาบันฯเริ่มกลับมาซื้อสุทธิใน เดือนนี้หลังขายหนักในเดือนก่อนหน้า ส่วนประเด็นการแพร่ระบาด COVID19 ในประเทศยังดูดีกว่าภาพรวมทั่วโลก ที่เริ่มกลับมาติดเชื้อกันมากขึ้น ขณะที่ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยล่าสุดฉีดวัคซีนทั้ง 2 เข็ม เกินกว่า 50% ของจำนวนประชากร และยังมีความคืบหน้าวัคซีนจาก จุฬาฯ (ChulaCov 19) คาดว่าจะใช้ได้ 3Q65 หนุน SET Index ไปต่อได้
กลยุทธ์สร้างผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุน แนะนำหุ้นราคาเริ่มฟื้นเด่นมี ปัจจัยบวกเฉพาะตัว แต่ภาพรวมยัง Laggard อย่าง CPALL DOHOME TASCO เป็น Top picks ในวันนี้
สภาพแวดล้อมในไทยเอื้อกับการลงทุน ทั้ง COVID-19 และวัคซีน
ASPS ประเมินสภาพแวดล้อมในต่างประเทศ และในประเทศดูเหมือนยังบวกและหนุน กับการปรับขึ้นของ SET Index
COVID-19: แม้กลับมาน่ากังวลอีกครั้งหนึ่ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในยุโรป กลับมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนส่งผลให้บางประเทศเริ่มพิจารณา Lockdown อีกรอบ เช่น เนเธอร์แลนด์ประกาศ Lockdown เป็นบางส่วน นาน 3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2564 นี้ โดย “กิจการไม่จำเป็น” ปิด ให้บริการภายใน 18.00 น. แต่สวนทางกับภูมิภาคอื่นๆของโลกที่การระบาดมี แนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะไทย จากข้อมูลวันที่ 18 พ.ย. 2564 พบผู้ติด เชื้อ COVID-19 6,901 ราย ต่ำกว่าระดับ 1 หมื่นรายมาต่อเนื่องแล้ว 1 เดือน
ความคืบหน้าวัคซีนและยารักษา COVID-19: เมื่อคืน บริษัท Pfizer เปิดเผย ราคายาต้านไวรัส COVID-19 “PAXLOVID” พบว่ามีราคา 500 เหรียญ/คอร์ส ซึ่งต่ำกว่ายา Molnupiravir ของบริษัทเมอร์ค Merck ที่มีราคา 700 เหรียญ/ คอร์ส ซึ่งปัจจุบันไทยกำลังอยู่ระหว่างจัดซื้อยาจากทั้ง 2 บริษัทแล้ว ขณะที่ ความคืบการกระจายวัคซีนของไทยยังคืบหน้าต่อ ปัจจุบัน ประชากร 63.9% ของไทยฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว และ 52.7% ฉีดวัคซีนเข็มสองแล้ว ไม่เพียง เท่านี้ ล่าสุดมีความคืบหน้าจากวัคซีนที่ไทยกำลังอยู่ระหว่างวิจัยใช้เองด้วย เช่นกัน ซึ่งเป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ (ChulaCov 19) ซึ่งผลการทดสอบล่าสุด พบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ไม่ด้อยไปกว่าวัคซีนของ Pfizer (เป็นวัคซีนชนิด mRNA แบบเดียวกัน) และคาดว่าจะสามารถ นำมาใช้ได้เร็วสุดในช่วง 3Q65
โดยรวมสภาพแวดล้อมต่างๆของไทยข้างต้น ASPS เชื่อว่าจะช่วยให้กิจกรรมทาง เศรษฐกิจของไทยปรับฟื้นตัวได้ต่อ ทั้งจากการจับจ่ายใช้สอยในประเทศเอง และการ ท่องเที่ยวของต่างชาติ (ปัจจุบันมีผู้เดินทางเข้า 63,659 ราย และพบติดเชื้อเพียง 81 ราย) ซึ่งจะเอื้อให้ Fund Flow จากต่างชาติสามารถไหลเข้ามาในตลาดการเงินของไทย ได้ต่อเนื่อง และท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ต่อไป
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายสินค้ายังถูกกดดัน….
ผลสืบเนื่องจาก 1.) Dollar Index ที่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า คือ ทรงตัว 96 จุด และ 2.) ความกังวล Covid ในยุโรป เป็นปัจจัยกดดันหลายราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตลอด สัปดาห์นี้ลงต่อ โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ อิง Brent ล่าสุด หลุด 80 เหรียญฯเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว โดยรวมเชื่อว่าวันนี้จะเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นกลุ่มน้ำมัน เช่น PTTEP และ PTT (BK:PTT) แนะนำชะลอการลงทุน และคาดกดดัน SET Index เพราะหุ้นกลุ่ม Energy& Utilities มีน้ำหนักราว 21.9% ถือว่าใหญ่ที่สุด มีผลต่อการเคลื่อนไหวตลาด
แต่ในทางกลับกัน หุ้นที่ได้ Sentiment เชิงบวกจากราคาน้ำมันลดลง คือ กลุ่มสายการ บิน เช่น AAV, BA, AOT (BK:AOT) แต่คำแนะนำทางพื้นฐานของ AAV (Switch:FV@2.90), BA (Switch:FV@8.2) เป็น Switch จึงแนะนำเพียง Trading ส่วน AOT (Buy:FV@70.00), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น TASCO (BUY: FV@23.0) แนะนำ Trading ตามกระแสข่าว น้ำมันเช่นกัน รวมถึงราคา Commodity อื่นๆที่เป็นขาลง อาทิ BDI ค่าระวางเรือ ค่า Container Index (ดังรูป) แนะนำชะลอการลงทุในหุ้น TTA PSL RCL
SET แข็งแรง ยังเห็น Fund Flow หนุนต่อ แนะ TIDLOR, TASCO, ERW
วานนี้ SET Index เดินหน้าทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1650 จุด โดยช่วงที่ผ่านมา SET Index ค่อนข้างที่จะ Outperform และแข็งแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในหลายๆ มุม มุมผลตอบแทน SET Index เด่นในช่วงสั้น Laggard ในช่วงยาว สะท้อนได้จาก ผลตอบแทนในเดือน พ.ย. ของ SET Index อยู่ที่ 1.7%mtd สูงเป็นลำดับต้นๆ เมื่อ เทียบกับตลาดหุ้นหลายแห่ง อีกทั้งหากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี SET Index ปรับตัวขึ้นมา เพียง 14%ytd ยังถือว่าขึ้นได้น้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในฝั่งประเทศ พัฒนาแล้ว จึงเชื่อ SET Index ยังมีช่องว่างให้ขยับขึ้นได้อีกในช่วงที่เหลือของป
มุม Fund Flow ยังเห็นโอกาสที่เม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง สะท้อนได้จาก ค่าเงินบาทในช่วงนี้แข็งค่าโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆในภูมิภาค และทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน แสดงให้เห็นว่า Fund Flow ยังวนเวียนและกระจุกตัวอยู่ในประเทศไทยเด่นกว่า ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และหากแข็งค่าต่อ ก็หนุนให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนจาก อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมอีก ขณะที่นักลงทุนสถาบันฯ เคยขายสุทธิแรงในเดือน ต.ค. 1.8 หมื่นล้านบาท เริ่มพลิกกลับมาซื้อสุทธิในเดือน พ.ย. นี้ 1.78 พันล้านบาท ช่วย หนุนให้ SET Index มีโอกาสเดินหน้าต่อ
ทำให้เชื่อว่า SET Index มีโอกาสขยับขึ้นต่อได้ไม่ยาก โดยแนวต้านแรก คือ 1658 จุด และแนวต้านถัดไปคือ 1670 จุด
โดย Toppicks วันนี้เลือกหุ้นกำไร 4Q64 ฟื้นเด่น ราคา Laggard มีปัจจัย เฉพาะตัวหนุน ซีพี ออลล์ จำกัด (BK:CPALL)(หุ้นที่ต่างชาติซื้อสะสมเยอะในช่วงนี้), ดูโฮม จำกัด (มหาชน) (BK:DOHOME)(กำไร 4Q64 ดี ราคาย่อตัวลงมา -22% จากช่วงกลางปี), ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (BK:TASCO)(รอสัญญาณสหรัฐ ผ่อนคลายการคว่ำบาตรเวเนซูเอลา หลังการเลือกตั้งท้องถิ่นของเวเนซูเอลาใน สัปดาห์หน้า)
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities