เรื่องใหญ่ในวงการการเงินสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือเหตุการณ์ที่พอร์ตของกองทุนเฮจฟันด์ต่างๆ พากันติดลบเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลดลง สวนทางกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น ส่งผลให้กราฟเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาววิ่งสวนทางกับคำสั่งซื้อขายที่พวกเขาเปิดทิ้งเอาไว้
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดพันธบัตรเกิดความผันผวนคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ประจำเดือนตุลาคม ที่ออกมาดีมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ด้วยจำนวนการจ้างงานเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ 450,000 ตำแหน่ง เกิดภาพความสับสนว่าตัวเลขการจ้างงานดีขึ้น ในภาวะที่เศรษฐกิจถูกกดดันด้วยภาวะเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนพันธบัตรหันกลับไปลงทุนในพันธบัตรระยะยาว เมื่อมีการลงทุนในพันธบัตร ผลตอบแทนที่ได้จึงปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ตลาดลงทุนยังถูกข่าวความไม่แน่นอนเข้ามากระทบเพิ่ม เมื่อธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตัดสินใจเลื่อนแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ถูก BoE ทำให้เชื่อไปแล้วว่าธนาคารกลางฯ จะเริ่มใช้นโยบายการเงินแบบสมดุลมากขึ้น ทั้งๆ ที่เห็นว่าเศรษฐกิจโดยภาพทั่วโลกนั้นกลับมาฟื้นตัวแล้ว การประกาศสุดเซอร์ไพรส์ของธนาคารกลางอังกฤษเมื่อวันพฤหัสบดีทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหราชอาณาจักรอายุ 10 ปีร่วงลงทันทีหลังจากทราบผลการประชุม
จากรูปจะเห็นว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหราชอาณาจักรอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาวิ่งต่ำกว่า 0.85% เป็นขาลงที่วิ่งตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.1% เพราะตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้ทำให้คนธรรมดาทั่วไปหันมาเห็นอกเห็นใจเหล่าบรรดาผู้จัดการกองทุนมากขึ้น แต่ที่เราอยากจะให้มองคือความผันผวนเช่นนี้กำลังแสดงถึงความไม่แน่นอนของการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.5% เมื่อวานนี้กราฟอัตราผลตอบแทนฯ สามารถวิ่งกลับขึ้นมาได้เมื่อวานนี้ 4 จุดเบสิส ถึงแม้ว่าจะขึ้นมายืนเหนือ 1.5% ได้ แต่ก็ถูกกดลงไปอย่างรวดเร็ว
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ายังมีโอกาสที่ตัวเลขการจ้างงานจะกลับขึ้นมาถึงเป้าของธนาคารกลางได้ภายในช่วงครึ่งปีหลังของ 2022 ซึ่งหากเป็นไปตามเงื่อนไขนี้ พวกเขาก็จะทำในสิ่งที่ทุกคนรอคอย นั่นคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อนึ่ง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่เชื่อถือได้
ข่าวดีเมื่อคืนนี้ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือการที่สภาคองเกรสอนุมัติกฎหมายอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐอเมริกา คิดเป็นวงเงินมูลค่า $1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับนักลงทุนในตลาดพันธบัตร พวกเขาต้องการดูแผนการประมูลพันธบัตรในรอบใหม่ เพราะนั่นหมายถึงจำนวนหนี้รอบใหม่ของรัฐบาล เมื่อวานนี้เราได้ทราบไปแล้วว่าพันธบัตรรุ่นอายุ 3 ปีถูกประมูลไปที่ $56,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนวันนี้ ที่จะมีการประมูลรุ่นอายุ 10 ปีคาดว่าจะถูกประมูลได้ในวงเงิน $39,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และรุ่นอายุ 30 ปีคาดว่าจะถูกประเมินไปในวงเงิน $25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการประมูลวันพรุ่งนี้
สถานการณ์ตลาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนยังคงวิ่งอยู่ในระดับต่ำ เมื่อฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) ยังคงย้ำว่าธนาคารกลางเชื่อว่าสภาวะเงินเฟ้อจะผ่อนคลายลงภายในปี 2022 แน่นอนว่าตลาดลงทุนไม่เชื่อเช่นนั้น กราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงไปวิ่งต่ำกว่า -0.28% และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เคยลงไปถึงระดับ -0.08% ด้วย ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 0.9% จากจุดสูงสุด 1.2% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว