ไอแซค นิวตัน บิดาแห่งวงการฟิสิกส์ได้อธิบายกฎของแรงโน้มถ่วงที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันเอาไว้ว่าทุกแรงกิริยา (action) ย่อมมีแรงปฏิกิริยา (reaction) ซึ่งมีขนาดเท่ากัน เงื่อนไขนี้สะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตลาดก๊าซธรรมชาติในสัปดาห์นี้ได้ดีที่สุด
เหตุการณ์ที่สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนตุลาคมบนตลาด NYMEX ณ ท่าเรือเฮนรี่หมดอายุเมื่อวันที่ 28 กันยายน ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติสามารถทะยานขึ้นแตะ $6.28 mmBtu ได้เป็นผลสำเร็จ นี่คือแนวต้านที่นักลงทุนในตลาดก๊าซธรรมชาติรอให้ถูกทำลายมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 นับตั้งแต่ยุคก่อนที่สหรัฐฯ จะสามารถผลิตน้ำมันได้จากหินน้ำมันได้ในปี 2008 ก็ไม่เคยมีสัญญาก๊าซธรรมชาติใดที่ท่าเรือเฮนรี่เคยปิดเหนือ $4 มาก่อน
สาเหตุที่ราคาก๊าซธรรมชาติสามารถปรับตัวขึ้นได้เป็นเพราะการพยากรณ์อากาศในช่วงสุดสัปดาห์ ที่ระบุว่าสภาพอากาศจะมีความอบอุ่นมากขึ้น ลดความคาดหวังของตลาดที่มีต่อปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติคงคลังภายในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า (รวมสัปดาห์นี้) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มโดยเฉพาะในยุโรปและเอเชียกลับไม่ได้เชื่อการพยากรณ์นั้น ความกังวลว่าฤดูหนาวในปีนี้จะหนาวเป็นพิเศษทำให้ความต้องการก๊าซธรรมขาติเพิ่มมากขึ้น เมื่อพิจารณาในตลาดระดับโลกจะเห็นว่าราคาก๊าซธรรมในยุโรปมีราคามากถึง $26 ในขณะที่ฝั่งเอเชียมีราคาอยู่ที่ $29
จึงเป็นเหตุผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่ท่าเรือเฮนรี่ต้องปรับตัวขึ้นตาม เพื่อรักษาระดับความสมดุลของตลาด สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นเช่นน้ำมันดิบ ถ่านหิน จึงได้โอกาสปรับตัวขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ
ที่มา: Gelber & Associates
ในมุมมองของผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาที่จะได้กำไรมากขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่แพงขึ้น แต่สำหรับผู้บริโภค ประเด็นนี้ถือเป็นความเดือดร้อนอย่างยิ่ง ราคาก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน และถ่านหินที่สูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวย่อมจำกัดความสามารถในการเข้าถึงตัวช่วยลดความหนาวเหน็บ ในขณะเดียวบางอุตสาหกรรมที่ต้องใช้สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทนี้เป็นต้นทุนก็ไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้ บริษัท CF Industries (NYSE:CF) ที่มีโรงงานอยู่ในสหราชอาณาจักรต้องหยุดดำเนินธุรกิจชั่วคราว
ก๊าซธรรมชาติเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างสินค้าจำนวนมาก ราคาพลังงานที่สูงขึ้นกำลังเป็นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในระบบอุปทานระหว่างประเทศ สถานการณ์ในตอนนี้จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์กำลังแพงขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วโลก ส่งแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ นี่ขนาดว่ายังไม่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวจริงๆ
ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่จะส่งมอบในเดือนพฤศจิกายน ณ ท่าเรือเฮนรี่เมื่อวานนี้ทำจุดสูงสุดเอาไว้ที่ $6.28 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมามีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $5.48 ในขณะที่กำลังเขียนบทความชิ้นนี้อยู่ ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่จะส่งมอบในเดือนพฤศจิกายน ณ ฝั่งเอเชียกำลังพยายามที่จะขึ้นยืนเหนือ $5.50 ให้ได้
ความพยายามนี้เองที่ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มกังวลว่าหรือราคาก๊าซธรรมชาติกำลังพยายามฟอร์มตัวเป็นรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ในวงการก๊าซธรรมชาติ เหตุการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นต่อเมื่อข้อมูลที่บอกถึงภูมิอากาศของสถานที่นั้น ๆ ว่าต้องการพลังงานที่จะต้องทำความร้อนให้กับอาคาร เท่าใด (HDD) สูงกว่าข้อมูลที่บอกถึงภูมิอากาศของสถานที่นั้น ๆ ว่าต้องการพลังงานที่จะต้องทำความเย็นให้กับอาคาร เท่าใด (CDD)
ข้อมูลเปรียบเทียบระหว่าง HDD กับ CDD ในรอบสามสิบปีระบุว่าการตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยทั้งสองจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 4 ตุลาคม ในขณะที่ข้อมูลรอบสิบปีระบุว่าเหตุการณ์ตัดกันของทั้งสองเส้นจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 5 ถึง 9 ตุลาคม ความร้อนในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและมิตเวสท์ของสหรัฐอเมริกาทำให้อุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ย และทำให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติลดลง
Refinitiv เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับก๊าซธรรมขาติ พวกเขาบอกว่ามีความแตกต่างกันระหว่าง HDD ในรอบ 30 ปีกับการคาดการณ์ HDD ในปัจจุบัน เนื่องจาก HDD ต่ำกว่าที่คาดไว้ จุดตัดระหว่าง CDD และ HDD ถูกผลักกลับไปที่วันที่ 12 กันยายน หมายความว่าวันที่ความต้องการพลังงานที่เกิดขึ้นเพราะสภาพอากาศจะมาถึงช้ากว่าปกติ
สัปดาห์นี้สำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) คาดการณ์ว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะถูกส่งเข้ามาเก็บภายในคลังของสัปดาห์ก่อนจะมีปริมาณมากกว่าปกติ (87 bcf) แม้ว่าสภาพอากาศจะยังคงอุ่น และความต้องการก๊าซธรรมชาติจะยังมีไม่มากก็ตาม ตัวเลขนี้มากกว่าของสัปดาห์ก่อนหน้าที่มีตัวเลขอยู่ที่ 74 bcf และมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี (2016-2020) ที่ตัวเลข 72 bcf
ในสัปดาห์ของวันที่ 17 กันยายน มีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ 76 bcf ซึ่งถือว่ามากกว่าปกติ หากตัวเลข 87 bcf ออกมาตามคาดการณ์ จะเท่ากับว่ามีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติที่มากกว่าปกติเป็นเวลาสองสัปดาห์ติดต่อกัน และจะกลายเป็นว่าปริมาณก๊าซธรรมชาติรวมทั้งประเทศในสัปดาห์ที่ 24 กันยายนมีจำนวนทั้งหมด 3.169 tcf ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี 6.3% และต่ำกว่าสัปดาห์ก่อน 15.4%
สำหรับปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังนั้น Refinitiv ก็ได้มีการเปิดเผยข้อมูลคาดการณ์ของตัวเองว่าการนำก๊าซธรรมขาติเข้าสู่คลังในสัปดาห์นี้ (นับถึงวันที่ 1 ตุลาคม) จะมีตัวเลขอยู่ระหว่าง 78 bcf ถึง 111 bcf เท่ากับว่ามีปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังเพิ่มขึ้น 92 bcf เทียบกับตัวเลขของสัปดาห์ก่อน 75 bcf และห้าปีล่าสุด 81 bcf
ข้อมูลเหล่านี้นำมาสู่คำถามที่ว่าหน้าตาของปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในจังหวะที่เรากำลังอยู่ในฤดูใบไม้ผลิที่จะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวจะเป็นเช่นไร? แดน เมเยอร์ นักวิเคราะหฺ์จาก Gelber & Associates วิเคราะห์ว่า
“มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในปี 2021 จะลดลงไปอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี ซึ่งเท่ากับว่าไม่มีทางเป็นไปได้ (หรือมีก็น้อยมาก) ที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังในปี 2021 จะสามารถขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบห้าปีได้ หากในไม่กี่สัปดาห์หน้า ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังยังลดลงต่อเนื่อง เราจะได้เห็นราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น”