สรุป ราคาทองคำ ระหว่างวันแกว่งตัวในกรอบ 1,732.50-1,741.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ฟื้นตัวขึ้นหลังทิ้งตัวแรงเมื่อวานนี้จากแรงซื้อคืนทางเทคนิคและแรงซื้อ Buy the dip ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตอบรับผลประชุมกนง. จากระดับอ่อนค่าสุดระหว่างวันบริเวณ 33.91 บาท/ดอลลาร์ สู่ระดับ 33.75 บาท/ดอลลาร์ หลังคณะกรรมการนโยบาย การเงิน(กนง.)มีมติเป็น"เอกฉันท์"ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่0.50% ต่อปีโดยไม่มีคณะกรรมการท่านใดสนับสนุนการลดดอกเบี้ย ต่างจากรอบการประชุมเมื่อ 4 ส.ค.ที่ ผ่านมาที่กนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% แต่กรรมการเสียงแตก 4 ต่อ 2เสียง นอกจากนี้ กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3ของปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดทยอยฟื้นตัว ไตรมาส 4 พร้อมคงจีดีพีปีนี้โต 0.7% และปรับเพิ่มจีดีพีปีหน้าเป็น 3.9% จากการกระจายวัคซีนที่ปรับดีขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดที่เร็วกว่าคาด หนุนบาทแข็งค่าในช่วงสั้น แต่การแข็งค่าของเงินบาทนั้นไม่มากนัก เพราะดอลลาร์ยังแข็งค่า จึงทำให้บาทยังอยู่ไม่ไกลจากระดับสูงสุดรอบกว่า 4 ปีในโซนบริเวณ 33.86 บาท/ดอลลาร์ ช่วยพยุงทองไทยไว้ สำหรับวันนี้แนะนำติดตามการเปิดเผย ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย รวมถึงประธานเฟด แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,727-1,724 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,724 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือ หากรับความ เสี่ยงได้ไม่มาก หรือ หากถือครองทองคำอยู่แล้วอาจเลือกชะลอการเข้าซื้อเพิ่ม
คำแนะนำ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 1,727-1,724 ดอลลาร์ต่อออนซไ์ด้อาจมีผลให้ราคาปรับขึ้นช่วงสั้น เบื้องต้น หาก ราคาปรับตัวขึ้น ประเมินแนวต้านในโซนบริเวณ 1,749-1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้มีโอกาสเกิดแรงขายกดดันราคา อ่อนตัวลงอีกครั้ง
https://th.investing.com/currencies/xau-usd
กระทู้พูดคุยเกี่ยวกับราคาทองคำ SPOT
https://th.investing.com/currencies/xau-usd-commentary
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th