การที่เฟดได้ประกาศหลังจากการประชุม FOMC ว่าจะจบการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้ได้ภายในกลางปี 2022 ทำให้ตลาดลงทุนตอบรับอย่างน่าพอใจ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นมากกว่า 2 จุดเบสิสในวันจันทร์ ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1.50% ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมายัง 1.48% นี่คือตัวเลขที่เกิดขึ้นก่อนการแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันนี้
ตอนนี้เจอโรม พาวเวลล์ต้องการตัวเลขการจ้างงานดีดีอีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนจะตัดสินใจยอมเริ่มลดวงเงิน QE และการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาประกาศจุดสิ้นสุดของการทำ QE ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการปรับลด QE จะต้องเริ่มขึ้นในการประชุม FOMC ในวันที่ 2-3 ของเดือนพฤศจิกายน การลดวงเงินในการซื้อพันธบัตร (ที่ตอนนี้มีตัวเลขอยู่ที่ $80,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือน) จะทำให้สภาพคล่องในตลาดหุ้นลดลง และจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่าการลดวงเงิน QE ครั้งนี้จะเกิดขึ้นแบบรวดเร็ว ไม่ทันตั้งตัว เพื่อให้กรอบเวลาการจบ QE ภายในช่วงกลางปีหน้า
จอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กสายพิราบ (สนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย) เริ่มให้เสียงสนับสนุนไปในทางการทำนโยบายการเงินแบบตึงตัวแล้วว่า “ต่อจากนี้การซื้อสินทรัพย์ของเฟดจะต้องพิจารณาอย่างระเอียดรอบคอบมากกว่านี้”
รายงานตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนเมื่อวันจันทร์ที่ออกมา 1.8% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ 0.6% สามเท่า เป็นหลักฐานว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว แม้ว่าจะประสบปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนอยู่ก็ตาม ตัวเลขในเดือนกรกฎาคมที่เคยออกมาที่ 0.1% ก็ถูกปรับขึ้นใหม่เป็น 0.5% สำนักข่าวต่างพากันรายงานว่าเป็นเพราะความต้องการยานพาหนะสำหรับเดินทางที่ทำให้ตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนสิงหาคมออกมาดี
ณ ตอนนี้กฎหมายเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า $1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรขึ้นไปยังสภาวุฒิสภาเรียบร้อยแล้ว นางแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรเชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องผ่านมติจากสภาสูงด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้ร่างกฎหมายดังกล่าวเคยมีมูลค่าอยู่ที่ $3.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเธอเองก็ยอมรับว่าเป็นปริมาณที่มากเกินไป การถูกปรับลดลงมาเหลือ $1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐจะช่วยให้ผ่านสภาสูงได้ง่ายขึ้น
การกลับมาของสิ่งที่คนในวงการเรียกว่า reflation trade ถือเป็นดาบสองคม เพราะการมีอยู่ของ reflation ช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลน และทำให้ราคาน้ำมันพลังงานและค่าขนส่งปรับตัวขึ้นตามไปด้วย นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขเหล่านี้จะไม่สามารถลดลงได้เร็วอย่างที่เฟดคาดการณ์เอาไว้
ข้ามฝากไปที่ทวีปยุโรป อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีเมื่อวันศุกร์ปรับตัวขึ้นมากกว่า 5 จุดเบสิส จนเกือบจะขึ้นไปถึงระดับ -20% ได้ก่อนที่จะย่อตัวกลับลดลงมาที่ -0.22% เพราะนักลงทุนเชื่อว่าการเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นในเยอรมันตอนนี้ พรรค Linke ไม่มีทางได้อยู่ฝั่งเสียงข้างมากเนื่องจากเสียงที่นั่งในสภามีไม่มากพอ
พรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) ของนายโอลาฟ ชอลซ์กำลังมีคะแนนนำอยู่ ณ ตอนนี้ ในขณะที่พรรคพันธมิตรอย่างพรรคกรีนอาจจะได้กลายเป็นพรรคร่วมก่อตั้งรัฐบาล ถึงกระนั้นคะแนนที่พรรคกรีนได้มนตอนนี้ก็ถือว่าดีที่สุดนับตั้งแต่พรรคก่อตั้งขึ้นมา ในสายตาของนักลงทุน พวกเขามองว่าการร่วมกันก่อตั้งพรรคร่วมรัฐบาลจะทำให้รัฐบาลเยอรมันชุดใหม่มีงบสำหรับใช้จ่ายมากขึ้น และรวมถึงงบสำหรับการกู้ด้วยเช่นกัน
เมื่อผลการเลือกตั้งของประเทศ GDP อันดับหนึ่งของกลุ่มสหภาพยุโรปยังไม่รู้ผล ความสนใจของนักลงทุนจึงหันไปอยู่ที่ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ก่อน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีอายุ 10 ปีเมื่อวันจันทร์ปรับตัวขึ้นพร้อมกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลฝรั่งเศสอายุ 10 ปี เหตุผลที่สนับสนุนขาขึ้นในครั้งนี้คือนักลงทุนหวังว่าจะได้ทราบคำใบ้เกี่ยวกับการลด QE เพิ่มเติมจากการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ