ช่วงปลายเดือนกันยายนสำหรับประเทศตะวันตกคือสัญญาณเตรียมตัวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ และเป็นการเตรียมตัวเข้าสู่ฤดูหนาว ในช่วงเวลาที่ทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและอากาศหนาวเย็น ไม่มีสิ่งใดเป็นที่ต้องการไปมากกว่าสิ่งที่สามารถมอบความอบอุ่น และก๊าซธรรมชาติก็เป็นหนึ่งในนั้น
อย่างไรก็ตามปีนี้ค่อนข้างพิเศษกว่าปีอื่นๆ เพราะเป็นปีที่ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นมามากที่สุดในรอบหลายปี การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ภาวะซัพพลายเชนขาดแคลนในอุตสาหกรรมต่างๆ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังมีให้เห็นทั่วทุกพื้นที่ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่พาราคาก๊าซธรรมชาติให้ปรับตัวสูงขึ้นในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
เมื่อวันที่ 20 กันยายน ราคาก๊าซธรรมชาติได้ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด $5 ต่อ mmBtu ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมายัง $4.88 เพราะการปิดคำสั่งซื้อขายทำกำไรไปก่อนของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบัน ราคาก๊าซธรรมชาติคืนกำไรให้แก่ผู้ถือครองไปแล้ว 80% และภายในระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด ก็สามารถคืนกำไรไปได้มากถึง 72%
สหรัฐอเมริกาใช้เวลานานกว่าทศวรรษในการก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติเหนือรัสเซีย และประเทศอื่นๆ อย่างเช่นประเทศจีน การ์ตา แคนาดา และนอร์เวย์ ในแง่ของการบริโภค สหรัฐอเมริกาก็นำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยรัสเซีย จีน อิหร่าน และญี่ปุ่น งานวิจัยชิ้นล่าสุดจากบริษัทแมคเคนซีย์พูดถึงภาพรวมความต้องการก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ว่า
“ภาพรวมการเติบโตของก๊าซธรรมชาติและ LNG ยังแข็งแกร่งแม้ต้องเผชิญกับความผันผวนมาตั้งแต่ปี 2020 แม้ว่าเอเชียจะฟื้นตัวช้า แต่ความต้องการก๊าซธรรมชาติจากภูมิภาคดังกล่าวก็ยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต”
ขาขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติในปัจจุบันส่งผลให้หุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- Antero Resources (NYSE:AR) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 151%
- Cabot Oil & Gas Corporation (NYSE:COG) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 19%
- Cheniere Energy (NYSE:LNG) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 42%
- EQT (NYSE:EQT) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 47%
- Kinder Morgan (NYSE:KMI) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 15%
- Northern Oil & Gas (NYSE:NOG) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 96%
- Royal Dutch Shell (NYSE:RDSa ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 13%
- Southwestern Energy (NYSE:SWN) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 62%
- Tellurian (NASDAQ:TELL) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 146%
จากเปอร์เซ็นต์การมอบผลตอบแทนชนาดนี้ เราจึงได้นำ ETP ที่น่าสนใจมาให้นักลงทุนได้พิจารณา
United States 12 Month Natural Gas Fund
- ระดับราคาปัจจุบัน: $12.80
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $7.24 - $14.36
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.90% ต่อปี
กองทุน United States 12 Month Natural Gas Fund (NYSE:UNL) เป็นกองทุนที่ติดตามราคาส่งมอบก๊าซธรรมชาติที่ท่าเรือเฮนรี่ในลุยเซียนาโดยตรง กองทุนนี้เริ่มต้นเปิดให้เทรดในปี 2009 เป็นกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ขนาดเล็ก มีสินทรัพย์อยู่ภายใต้การจัดการทั้งหมด $142 ล้านเหรียญสหรัฐ
UNL ถือครองสัญญาฟิวเจอร์สของดัชนีดัง 12 ตัว ที่ยืดอายุสัญญาออกไปไกลถึงอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งโดยปกติสัญญาซื้อขายล่วงหน้าจะมีกำหนดหมดสัญญาอยู่เป็นประจำทุกเดือน ความเคลื่อนไหวของ UNL ในแต่ละวันสามารถใช้ดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตลาดฟิวเจอร์สได้ นอกจาก UNL ตลาดลงทุนสหรัฐฯ ยังมีกองในก๊าซธรรมชาติอีกกองทุนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า United States Natural Gas (NYSE:UNG)
สิ่งที่ทำให้ UNG แตกต่างจาก UNL คือกองทุน UNG เป็นกองทุนบนตลาด NYMEX ที่เน้นทำกำไรในระยะสั้นมากกว่า กองทุนนี้ยินดีซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่จะหมดอายุภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า หรืออย่างมากที่สุดคือสัญญาซื้อขายที่จะหมดอายุภายในสองเดือน นักลงทุนบางคนมองว่าสองกองทุนนี้ว่าเป็นเหมือนพี่น้องกัน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะเมื่อพิจารณาการปันผลกำไรคืนในระยะ 52 สัปดาห์ กองทุนทั้งสองก็ให้ผลตอบแทนในระดับที่ใกล้เคียงกันจริงๆ
- UNL ปรับตัวขึ้น 48.8% ภายในช่วงระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด
- UNG ปรับตัวขึ้น 41.6% ภายในช่วงระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด
นักลงทุนที่ถือ UNL จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะอายุสัญญาที่เปิดโอกาสให้ยาวนานถึง 12 เดือน มีโอกาสที่นักลงทุนคนนั้นๆ จะได้สัมผัสกับความเสี่ยงจริงน้อยลง ด้วยเหตุผลเช่นนี้ทำให้ส่วนตัวแล้วเราจะเลือกลงทุนกับ UNL มากกว่า อย่างไรก็ตามการลงทุนนั้นเป็นเรื่องของความถนัดและความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละคน นักลงทุนที่ไม่ชอบการผูกมัดระยะยาว อาจจะยินดีรับความเสี่ยงกับ UNG ที่มีระยะเวลาสั้นกว่า แต่เปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถตัดสินใจแก้สถานการณ์ได้เร็วกว่า
สำหรับนักลงทุนที่กำลังสนใจลงทุนในก๊าซธรรมชาติ เพราะเห็นว่าราคากำลังวิ่งอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น เราอยากแนะนำให้ใจเย็นๆ เพราะราคาก๊าซธรรมชาติอาจจะย่อตัวลงมาได้อีกประมาณ 3-5% แต่ในฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย จะทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นในระยะยาว สุดท้ายสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในก๊าซธรรมชาติผ่านกองทุน ETF เรามีสี่กองทุนมาแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ
- First Trust Natural Gas ETF (NYSE:FCG) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 65.5%
- Invesco DWA Energy Momentum ETF (NASDAQ:PXI) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 50.1%
- SPDR® S&P Oil & Gas Exploration & Production ETF (NYSE:XOP) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 44.3%
- VanEck Vectors Unconventional Oil & Gas ETF (NYSE:FRAK) ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 58.8%
หมายเหตุ: FCG เป็นกองทุนที่ถือครองหุ้นบริษัทน้ำมันมากกว่าก๊าซธรรมชาติ ซึ่งไม่ตรงตามชื่อกองทุน