หากคุณผู้อ่านเป็นแฟนของซีรีย์ “2 กองทุน ETF น่าลงทุน” ของ Investing.com มาโดยตลอด เชื่อว่าคุณจะต้องเคยอ่านบทความเมื่อไม่นานมานี้ที่เราพูดถึงกองทุน ETF สำหรับนักลงทุนในตลาดสกุลเงิน คนที่สนใจเฉพาะขาขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ สามารถเลือกลงทุนกับ Invesco DB US Dollar Index Bullish Fund (NYSE:UUP) ในขณะที่คนที่อยากลงทุนในสกุลเงินสำรองอันดับสองของโลกอย่างสกุลเงินเยน ก็สามารถเลือกลงทุนกับ ETF Invesco CurrencyShares® Japanese Yen Trust (NYSE:FXY)
ในบทความนี้ เรามีอีกหนึ่งกองทุน ETF สำหรับนักลงทุนสายสกุลเงินมาฝากให้คุณผู้อ่านได้พิจารณา
Invesco DB US Dollar Index Bearish Fund
ระดับราคาปัจจุบัน: $20.98
กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $20.70 - $21.91
อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.77% ต่อปี
ในบทความที่เกี่ยวกับ ETF ของสกุลเงินนั้น เราได้ให้ข้อมูลของกองทุนที่เชื่อว่า “ดอลลาร์สหรัฐคือทุกสิ่ง” ไป แต่สำหรับกองทุนนี้ถึงแม้จะอยู่ในชื่อหน้าเดียวกัน แต่กลับมองดอลลาร์เป็นอีกด้านหนึ่งอย่างสิ้นเชิง Invesco DB US Dollar Index Bearish Fund (NYSE:UDN) เป็นกองทุนที่อ้างอิงราคามาจากผลตอบแทนของ DB Short USD Currency Portfolio Index ER และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่วางคำสั่งขายกับดอลลาร์สหรัฐฯ บนตลาดฟิวเจอร์ส ICE
เมื่อเป็นกองทุนขั้วตรงข้ามของดอลลาร์ นั่นหมายความว่าเมื่อไหร่ที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลง UDN จะปรับตัวขึ้น (ไม่ต่างอะไรกับทองคำที่เป็นปรปักษ์กับดอลลาร์สหรัฐโดยตรง) ซึ่งในบทความที่แล้ว เราได้เคยอธิบายไปแล้วว่าดัชนีดอลลาร์สหรัฐเกิดจากการอ้างอิงดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลักทั้งหกคือยูโร เยน ปอนด์ ดอลลาร์แคนาดา โครนาและสวิตฟรังก์
สมมุติว่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร กองทุน UDN ก็จะปรับตัวลดลง แต่เมื่อไหร่ที่สกุลเงินยูโรแข็งค่ามากกว่า UDN ก็จะปรับตัวขึ้นตามด้วย UDN ก่อตั้งขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 มีสินทรัพย์อยู่ภายใต้การจัดการ $63.1 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ทำให้ UDN ตลอดทั้งปีปรับตัวลดลง 0.3%
UDN จะสามารถให้ข้อมูลอะไรกับนักลงทุนได้บ้าง?
แน่นอนว่าอย่างแรกที่ UDN จะตอบโจทย์นักลงทุนเลยคือการดูราคากองทุนนี้เหมือนกับการดูทองคำเทียบดอลลาร์สหรัฐ เมื่อไหร่ที่ดอลลาร์อ่อนค่าก็สามารถเข้าซื้อ UDN ได้ และสำหรับคนที่เชื่อว่ายูโรจะแข็งค่ามากกว่าดอลลาร์ก็สามารถซื้อ UDN ได้เช่นกัน ในช่วงนี้มีกรณีตัวอย่างที่อาจจะทำให้ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมันกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงในวงกว้างทั้งจากคนในและนอกประเทศ แต่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะได้ข้อสรุปอย่างไร นักวิเคราะห์ประเมินว่าสกุลเงินยูโรมีโอกาสแข็งค่ามากกว่าดอลลาร์
ประการที่สอง นักลงทุนสามารถใช้ราคากองทุนนี้เป็นตัวแทนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ ในบางครั้งการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นก็มักจะสวนทางกับการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และสินทรัพย์บางกลุ่มจะปรับตัวขึ้นต่อเมื่อดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนที่เล่นกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็สามารถลงทุนใน UDN ได้ จะสังเกตว่าตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจให้สามารถสู้กับโควิด สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก็ได้อ่อนค่าลงจาก 100 กว่าจุดลงมาเหลือ 92-93 จุดในปัจจุบัน
ประการที่สามนักลงทุนสามารถเข้าซื้อ UDN ตามขาขึ้นในตลาดเกิดใหม่ หรือประเทศทางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดเกิดใหม่มักจะถูกใช้เป็นหลุมหลบภัยสำหรับนักลงทุนที่มองว่าต้นทุนการลงทุนในประเทศที่พัฒนาแล้วมีราคาสูงเกินไป การที่พวกเขาโยกเงินไปยังตลาดเกิดใหม่หมายความว่าต้องมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินอื่น ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และเป็นโอกาสเข้าถือ UDN
ประการสุดท้าย ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจ เช่น ผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าที่ถือดอลลาร์สหรัฐยอมรับว่าดอลลาร์สามารถป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้น แต่เกราะป้องกันนั้นก็แลกมาด้วยความวุ่นวายทางกฎหมาย ความพยายามที่จะใช้ดอลลาร์เพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ จึงถือเป็นเรื่องที่ซับซ้อน จนอาจต้องมีที่ปรึกษาทางการเงินและต้องหมั่นตรวจสอบพอร์ตการลงทุนค่อนข้างบ่อย การซื้อกองทุน UDN จึงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายกว่า เพราะ UDN คือด้านตรงข้ามของดอลลาร์
โดยสรุปแล้ว กองทุน ETF อย่างเช่น UDN สามารถช่วยให้นักลงทุนผู้ถือครองบริหารพอร์ตการลงทุนของตัวเองได้ง่ายมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องเตือนนักลงทุนเอาไว้ก็คือตลาดสกุลเงินเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูง การขึ้นลงของราคาในบางครั้งรวดเร็วจนคนทั่วไปไม่มีทางตามทัน ดังนั้นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจระดับมหภาค และเหตุการณ์ทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อสกุลเงินหลักของโลกจึงเป็นเรื่องสำคัญ และสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าซื้อกองทุนในจังหวะที่ไม่สมควรได้