การพัฒนาของเทคโนโลยีทำให้โลกของการลงทุนเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนมือใหม่ที่เข้ามาลงทุนใน ETF จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ระบุว่าภายในช่วงห้าเดือนแรกของปี 2021 เงินทุนที่ไหลเข้ามาในโลกของ ETF รวมแล้วเกือบถึง $282,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และหากเทียบข้อมูลในช่วงสามปีล่าสุดจะเห็นว่ามีเงินลงทุนใน ETF แล้วมากถึง $1.2 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
ภายในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง มีข้อมูลจากตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทที่น่าสนใจระบุว่า ปัจจุบันตลาดลงทุนสหรัฐฯ มีกองทุน ETF รวมแล้วทั้งหมด 2,567 กองทุน ในช่วงหกเดือนแรกของปี 2021 มีกองทุน ETF เกิดใหม่ทั้งหมด 127 กองทุน และมี 21 กองทุนได้ถูกลิสต์ขึ้นไปอยู่บนตลาดหุ้น วอลล์ สตรีท ในบทความนี้เราจะมาแนะนำกองทุน ETF น้องใหม่ที่น่าสนใจ ข้อดีของกองทุนเกิดใหม่อย่างหนึ่งก็คือยังเป็นกองทุนที่มีขนาดเล็ก เหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว
1. SonicShares Global Shipping ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $22.86
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $24.49 - $27.07
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.69% ต่อปี
กองทุนแรกที่เราขอนำเสนอคือ SonicShares Global Shipping ETF (NYSE:BOAT) เป็นกองทุนที่ลงทุนกับบริษัทขนส่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ในภาคการผลิต สินค้าตามออเดอร์ผู้บริโภค ยานพาหนะ สินค้าแห้ง น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ LNG องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) เคยพูดถึงอุตสาหกรรมการขนส่งเอาไว้ว่า
“ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน การขนส่งหลักของโลกยังคงเป็นการขนส่งทางเรือ 90% ของสินค้าทั่วโลกล้วนแล้วแต่ขนส่งทางเรือ เพราะเช่นนั้นเราจึงเชื่อว่าในปี 2050 ความต้องการสินค้าในประเภทต่างๆ ผ่านทางเรือจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นสามเท่า”
กองทุนนี้อ้างอิงราคาจากดัชนี Solactive Global Shipping Index ถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ทั้งสิ้น 46 บริษัท เริ่มต้นให้เทรดในวันที่ 4 สิงหาคม มีมูลค่าสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $1.32 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ทั้งหมดสามกลุ่มได้แก่การขนส่งทางเรือน้ำลึกด้วยตู้คอนเทนเนอร์ 53% การขนส่งสินค้าแห้งทางเรือน้ำลึก 15% และการขนส่งน้ำมันดิบ 11%
หุ้นสิบอันดับแรกคิดเป็น 60% ของหุ้นที่ถือครองทั้งหมด หุ้นที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Mitsui OSK Lines (OTC:MSLOY) Kawasaki Kisen Kaisha (OTC:KAIKY), Hapag Lloyd (DE:HLAG), AP Moeller - Maersk (OTC:AMKBY) และ Matson (NYSE:MATX)
นับตั้งแต่วันที่กองทุนเปิดให้ลงทุน ราคาหุ้นของ BOAT ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 7% นักลงทุนที่เชื่อมั่นในวงการโลจิสติกส์ว่าวงการนี้ก็จะอยู่กับโลกต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สมควรพิจารณากองทุนนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในวันที่เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราเชื่อว่าวันนั้นกองทุนนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกในอนาคต
2. Viridi Cleaner Energy Crypto Mining & Semiconductor ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $32.58
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $24.28 - $38.48
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.90% ต่อปี
กองทุนที่สองที่เราจะแนะนำต่อไปนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนกับบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือเป็นเซมิคอนดักเตอร์ที่เน้นไปในแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากการขุดเหรียญของวงการคริปโตเคอเรนซี่ กองทุนนี้ไม่ได้ปฏิเสธคริปโตฯ แต่ปฏิเสธคริปโตฯ ที่ขุดเหรียญโดยแลกมากับการทำลายธรรมชาติ
ท่างกลางกระแสการเติบโตของโลกสกุลเงินดิจิทัล มีคนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับโลกการเงินเสรีที่แลกมาด้วยการทำลายธรรมชาติ ก่อนหน้านี้อีลอน มัสก์ CEO เจ้าของบริษัทเทสลา (NASDAQ:TSLA) ก็ได้ออกมาระงับการชำระเงินด้วยบิทคอยน์แล้ว และยืนยันว่าตราบใดที่คนในชุมชนบิทคอยน์ยังไม่เปลี่ยนวิธีการขุด เขาก็จะไม่สนับสนุนบิทคอยน์
รายงานจาก Harvard Business Review ระบุว่าการขุดบิทคอยน์ทั่วโลกในตอนนี้เทียบได้กับการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศเล็กๆ ได้เลย ไม่นานหลังจากนั้น มหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ก็ได้เขียนบทความเกี่ยวกับการใช้พลังงานของบิทคอยน์ว่าสามารถจ่ายไฟให้กับมหาวิทยาลัยไปได้ยาวนานถึง 627 ปี การแสดงความกังวลถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมนี้ทำให้นักลงทุนคริปโตฯ บางกลุ่มต้องลงนามทำสนธิสัญญาดูแลสิ่งแวดล้อมที่มีชื่อว่า “Crypto Climate Accord” ขึ้นมา
กลับมาที่ประเด็นของเรา กองทุนที่เราจะแนะนำเป็นกองทุนที่สองมีชื่อว่า Viridi Cleaner Energy Crypto Mining & Semiconductor ETF (NYSE:RIGZ) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทพลังงานทดแทนที่เน้นเพื่อการขุดเหรียญคริปโตฯ โดยเฉพาะ RIGZ ไม่ได้ถือครองสินทรัพย์คริปโตฯ โดยตรง แต่เลือกที่จะถือหุ้นของบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งทำชิปประมวลผลที่ทั้งใช้และไม่ใช้ในการขุดเหรียญคริปโตฯ
RIGZ ถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ทั้งสิ้น 19 บริษัท เริ่มต้นให้เทรดในเดือนกรกฎาคมปี 2021 มีมูลค่าสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $6.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นสิบอันดับแรกคิดเป็น 70% ของหุ้นที่ถือครองทั้งหมด
หุ้นอันดับต้นๆ ที่ RIGZ เลือกถือครองล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทแนวหน้าในวงการคริปโตฯ ไม่ว่าจะเป็น Bitfarms (NASDAQ:BITF), Hut 8 Mining (NASDAQ:HUT), Marathon Digital (NASDAQ:MARA) Digihost Technology (OTC:HSSHF) Samsung Electronics (OTC:SSNLF) NVIDIA (NASDAQ:NVDA) และ AMD (NASDAQ:AMD)
ตั้งแต่กองทุนนี้เปิดเริ่มต้นให้ลงทุนในเดือนกรกฎาคม ราคาหุ้นของกองทุนสามารถปรับตัวขึ้นได้แล้วเกือบ 40% เพราะการฟื้นตัวของบิทคอยน์ และหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์บางตัวที่ยังอยู่ในขาขึ้น สะท้อนความต้องการเทคโนโลยีที่ไม่เคยลดลงในยุคดิจิทัล นักลงทุนที่สนใจในวงการคริปโตฯ แต่ไม่ต้องการลงทุนโดยตรงเพราะกังวลเรื่องความผันผวน RIGZ คือคำตอบของคุณ