กำไร 2,190 ล้านบาท ลดลงต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติด และกำไรน้อยกว่า Q2 ปีที่แล้วที่ปิดเมืองรอบแรกอีกด้วย
ซีพี ออลล์ จำกัด (BK:CPALL) คือ 7-11 + Makro + Lotus
65% ของกำไรมาจาก 7-11 และ 35% ของกำไรมาจาก Makro ส่วน Lotus กำไรเท่าไหร่ CPALL รับรู้ 40%
7-11 รายได้ +6.6% กำไร -12.2%
Makro รายได้ +7.3% กำไร +9.1%
Lotus เป็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรหรือขาดทุน เมื่อตอน Q1 รับรู้กำไร 36 ล้านบาท แต่ Q2 รอบนี้รับรู้ขาดทุน 129 ล้านบาท
แปลได้ว่า สถานการณ์ปัจจุบัน Makro กำไรดี 7-11 กำไรหด ส่วน Lotus นั้นขาดทุน
ตัวเลขที่น่าสนใจของร้าน 7-11 ที่อยากเล่าให้ฟังคือ
1️. เปิดสาขาเท่า Q1 เป็นร้านตัวเองซะเยอะ
Q2 เปิดไป 156 สาขา โดยที่ 118 สาขา เป็นของบริษัทเปิดเอง แปลว่า แฟรนไชส์ อาจจะกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าเปิด กลัวขาดทุนหรือเปล่า และรอบนี้เปิดต่างจังหวัดเยอะ (Q1 เปิดกรุงเทพเยอะ) ขณะเดียวกันเปิดในปั๊มน้อยลง (ถ้าไปดูงบ OR ก็จะเห็นภาพเดียวกันว่า non-oil ไม่ดีนัก)
ครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 311 สาขา ถ้าให้ถึงเป้า 700 สาขา ต้องมาเร่งเปิดครึ่งหลัง ถามว่าทำได้มั้ย ทำได้แน่ๆ แต่ปัญหา คือ SG&A จะบวม ยิ่งถ้าเปิดร้านของบริษัทเองก็จะยิ่งบวม และถ้าปีนี้ทำแสตมป์เหมือนทุกปีก็มีโอกาสเห็น SG&A รอบ Q4 เยอะ
2️. ยอดขายร้านเดิมโตจากฐานต่ำ
SSSG +2.1% จาก Q2 ปีที่แล้ว SSSG -20.2% แต่ก็ต้องถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะ SSSG ติดลบมา 5 ไตรมาสติด
3️. ยอดซื้อต่อบิลเพิ่มสูง จำนวนคนเข้าร้านเริ่มนิ่ง
ปกติคนซื้อของที่ 7-11 เฉลี่ยครั้งละ 70 บาท แต่ปีที่แล้วเริ่มเพิ่มมาเป็น 75 บาท Q1 เป็น 77 บาท และรอบ Q2 นี้ เป็น 82 บาท ถือว่าสูงใช้ได้เลย เป็นไปได้ว่ามาจากการส่ง Delivery ส่วนนึง และก็มาจากการที่คนไม่อยากมาร้านบ่อยช่วง COVID ก็จะซื้อทีเดียวเยอะเลย
ถ้าไปดูจำนวนคนเข้าร้านต่อวันต่อสาขาอยู่ที่ 823 คน พอๆ กับ Q1 ที่ 845 คน แต่ว่าระดับปกติคือ 1200 คน แต่ก็ต้องถือว่าสัญญาณดี
4️. Product Mix เป็นของกิน แต่มาร์จิ้นดันลดลง
ปกติสินค้า Food สัดส่วน 70% Non-Food 30% ถ้าขายของกิน เครื่องดื่มเยอะ มาร์จิ้นจะดี
Q2 มีสัดส่วน Food ถึง 75% Non-Food 25% แต่ GPM ไม่ได้เพิ่ม อยู่ที่ 26.5% เป็นไปได้ว่า 7-11 จัดโปรโมชั่นเยอะทำให้กระทบกำไร
5️. LOTUS ยังไม่คุ้มกับเงินที่ลงไป
อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น รับรู้ส่วแบ่งขาดทุน 129 ล้านบาท ถ้าเทียบกับดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาคือ 1,500 ล้านบาท เข้าใจว่ารอบนี้ภาระดอกเบี้ยมากกว่าปกติ เพราะมีรายการปรับแหล่งที่มาของภาระดอกเบี้ย เป็นเรื่อง Bridging Loan (เดี๋ยวต้องเช็คทางบริษัทอีกทีว่าเยอะน้อยแค่ไหน) แต่ก็ต้องบอกว่า ยังไม่คุ้มค่ากับเงินที่ลงไป นี่ยังไม่นับว่ามีเรื่องการ Rebranding เปลี่ยนโลโก้ เปลี่ยนสี เปลี่ยน layout ร้าน ที่เป็นค่าใช้จ่ายอีก
ถ้าถามว่า Q3 เป็นยังไง แน่นอนว่าเรื่องแรกคือ COVID ยืดเยื้อ ส่งผลเสียแน่ๆ และเห็นว่าหลายสาขาของ 7-11 สินค้าขาดกันเยอะมาก ดูได้จากแซนด์วิชของ NSL ที่ shelf โล่งเลย
แต่เข้าใจว่าเริ่มมีการแก้ปัญหากันได้ดีขึ้น ฟังจาก Oppday ของ SUN ที่ขายข้าวโพด มัน ถั่ว เป็น ready to eat เข้า 7-11 บอกว่ามีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์เย็นกระจายหลายๆ จุด แปลว่า ยอดขายเดือนกรกฎาคมน่าจะกระทบ แล้วค่อยๆ ดีขึ้น
ดูภาพแล้ว เหมือนไม่ดี แต่ถ้าใครมองว่านี่แหละเป็นโอกาสในการลงทุน ก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน เพราะเปิดสาขายังได้ตามแผน จำนวนคนเข้าร้านเริ่มนิ่ง ยอดต่อบิลสูงขึ้นเยอะ ถ้า COVID จบ ก็เชื่อว่าการสั่งของให้ไปส่ง Delivery ที่บ้านยังคงมีต่อไป ก็จะเป็นการเพิ่มยอดขายได้ ถ้าพิจารณามุมนี้ก็เป็นโอกาสเช่นกัน
ส่วนมูลค่าที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่ดี CPALL ในอนาคตควรเทรดที่ P/E เท่าไหร่ หรือว่าอยู่ P/E Band เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ลองพิจารณากันดูครับ
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น