ในปีนี้หากใครก็ตามที่ได้ลงทุนน้ำมันตามคำแนะนำของท่านรัฐมนตรีกระทรวงการพลังงานของซาอุดิอาระเบียนายอับดุลลาซิส บิน ซัลมาน หรือ AbS รับรองได้เลยว่าต้องได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแน่ เพราะขาลงที่พึ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวานก็เคยอยู่ในการคาดการณ์ของเขามาก่อน
ก่อนหน้านี้ในช่วงไตรมาสที่หนึ่ง AbS ก็เคยออกมาพูดครั้งหนึ่งว่าเตรียมรับมือกับขาขึ้นในตลาดน้ำมันไปยาวๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวขึ้นแบบไม่มีหยุดมาตลอดสามเดือนติดตั้งแต่เดือนเมษายนมาจนถึงมิถุนายน และก่อนหน้านี้เขาก็ได้ออกมาพูดถึงการชะลอตัวของขาขึ้นอีกครั้ง และราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวลดลงมาจริงๆ
ขาลงที่เกิดขึ้นในตลาดน้ำมันเมื่อวานนี้นับได้ว่าเป็นการปรับตัวลดลงที่แรงที่สุดในรอบ 16 เดือนล่าสุด อันที่จริงตลาดน้ำมันก็ทำท่าว่าจะลงมาตั้งแต่การประชุมของ OPEC+ ได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 2 ล้านบาร์เรลภายในระยะเวลาห้าเดือนนับจากนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ตลาดน้ำมันปรับตัวลดลงมาจริงๆ ก็คือความกังวลที่มีต่อการระบาดโควิด-19 ที่ดูเหมือนจะกลับมาคุกคามมนุษยชาติอีกครั้ง
ไม่ใช่แค่ตลาดน้ำมันเท่านั้น แต่เมื่อวานนี้สินทรัพย์เสี่ยงแทบทุกประเภทพากันปรับตัวลงเหมือนกันหมดไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน บิทคอยน์ มีเพียงแค่ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่ยังแข็งค่าได้ สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนหันไปถือเงินสดและยังไม่รู้ว่าควรลงทุนที่ไหนดีเพื่อคานความเสี่ยงในครั้งนี้ เอ็ด โมญ่า วิเคราะห์ภาพรวมของตลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวานว่า
“ตลาดหุ้นเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบก่อนใครเพื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มสายการบินที่เปราะบางกับการแพร่ระบาดมาก นอกจากสายการบินแล้วก็ยังลามไปถึงหุ้นการท่องเที่ยว โรงแรม ฯลฯ การกลับมา่กังวลเรื่องโควิดอีกครั้งส่งสัญญาณว่าเราอาจจะไม่ได้เห็นภาพการบินระหว่างประเทศไปอีกนาน แม้แต่ขาวอเมริกันเองก็ยังได้พาสปอร์ตยากขึ้น แค่คิดจะเดินทางไปฮาวายก็ยังต้องชั้งใจอยู่นานพอสมควร รถเช่าก็หายาก บุคลากรในโรงพยาบาลก็ยังมีน้อย”
แม้ว่าในช่วงเช้าของตลาดหุ้นฝั่งเอเชียวันนี้ตลาดน้ำมันจะหยุดปรับตัวลดลงแล้ว แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าแนวรับใหม่ที่พึ่งสร้างขึ้นในคืนเดียวนี้จะรั้งราคาเอาไว้ได้อีกนานแค่ไหน การเทขายในตลาดน้ำมันเมื่อคืนนี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 7% ในขณะที่เบรนท์ปรับตัวลดลง 6% สร้างสถิติขาลงที่หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2020 แม้จะมีขาขึ้นพยายามหยุดความร้อนแรงเอาไว้บ้าง แต่เท่าที่เห็นเมื่อเช้านี้ในตลาดสิงคโปร์กลับทำได้เพียง 0.5% เท่านั้น
เมื่อได้ถามความเห็นกับคุณเอ็ด โมญ่าว่าสถานการณ์ของราคาน้ำมันในวันนี้จะเป็นเช่นไร เขาก็ตอบมาสั้นๆ ว่า “มันยังไม่จบแต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะหยุดพักตัวแถวนี้เป็นเวลานาน” คำถามคือ “นานแค่ไหน?” ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาน้ำมัน WTI มีราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $67 ต่อบาร์เรล ในขณะที่เบรนท์มีราคาอยู่ที่ $69 ต่อบาร์เรล
นอกจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลการประชุมของ OPEC+ ที่ได้ข้อสรุปแล้วว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเข้าไปในระบบก็มีส่วนอย่างยิ่งในการทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมีน้ำมันถูกเพิ่มเข้าไปในระบบตลอดห้าเดือนรวมกันเป็น 2 ล้านบาร์เรล ซึ่งหากเอามาเฉลี่ยแล้วจะเท่ากับว่าจะมีการผลิตน้ำมันเพิ่มเดือนละ 4 แสนบาร์เรล
ข้อถกเถียงที่ซาอุดิอาระเบียเคยมีกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าในที่สุดก็สามารถปรับความเข้าใจกันได้ โดยที่ UAE จะได้สิทธิ์เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นจาก 3.168 ล้านบาร์เรลต่อวันในวันนี้เป็น 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2022 เป็นต้นไป นอกจาก UAE แล้วประเทศสมาชิกอื่นๆ ที่ได้รับสิทธิ์ผลิตน้ำมันเพิ่มในช่วงเวลาเดียวกันคือซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย คูเวต และอีรัก ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้ปรับ baseline การผลิตขึ้นจาก 11 ล้านบาร์เรลเป็น 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และอาจจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตเข้าไปอีก 1.63 ล้านบาร์เรลภายในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
โควิดเดลตา Vs ความต้องการน้ำมัน
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาในรอบนี้ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงานในบางประเทศ ยกตัวอย่างเช่นสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ เป็นต้น จนต้องทำให้ประเทศเหล่านี้ต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มทางสังคมอีกครั้ง รายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในสหราชอาณาจักรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2021 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ 19 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่อังกฤษวางแผนไว้ว่าจะประกาศยกเลิกมาตรการคุมเข้มทางสังคมส่วนใหญ่ออก
สถานการณ์การระบาดในตอนนี้ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักต้องมานั่งประเมินแนวโน้มตลาดน้ำมันดิบในช่วงครึ่งปีหลังกันใหม่ จากเดิมที่เคยมองว่าจะย่อตัวลงในระยะสั้นก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อไป กลายเป็นว่า “ไม่แน่ใจ” ว่าในช่วงฤดูหนาวนี้ ภาพรวมการระบาดจะเป็นเช่นไร แม้แต่สหรัฐอเมริกาเองที่ได้ชื่อว่าเอาชนะโควิดระลอกแรกได้ ตอนนี้ก็กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากเดลตาอีกครั้ง
ดังนั้นจึงกลับมาที่คำถามที่ว่าปัจจัยพื้นฐานอย่างการตัดสินใจของ AbS หรือกลุ่ม OPEC+ จะช่วยป้องกันไม่ให้นักลงทุนขาลงพากันเทขายน้ำมันต่ออีกหรือไม่?
คำตอบก็คือ “อาจจะใช่” แต่ไม่ใช่ทันที เพราะกลุ่ม OPEC+ พึ่งได้ข้อสรุปร่วมกันไปยังไม่ถึง 5 วันจึงไม่มีทางที่จะได้เห็นว่าพวกทางกลุ่มกลับคำแล้วหันมาลดกำลังการผลิตน้ำมันแน่นอน อย่างเร็วที่สุดที่ทำได้คือต้องรอให้มีมติใหม่จากการประชุมในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
ตอนนี้กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรยังมีน้ำมันที่สำรองอยู่ในมืออีก 5.8 ล้านบาร์เรลที่พร้อมจะส่งออกไปรักษาสมดุลให้กับตลาดน้ำมันในกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดสงบลงหรือความต้องการน้ำมันในช่วงฤดูร้อนมีมากกว่าที่ประเมินเอาไว้