สรุป ราคาทองคํา ช่วงเช้าที่ตลาดเอเชียค่อยๆขยับขึ้น โดยแกว่งตัวในกรอบ 1,765.59-1,775.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อทางเทคนิคหลังจาก เกิดสัญญาณ Bullish RSI Divergence ในกราฟราคาทองคําราย 1 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง และ 1 วัน แม้ว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอย่างมากก็ตาม นอกจากนี้ มีแนวโน้มที่ ดอลลาร์อาจเผชิญแรงขายระยะสั้น หลังจากค่าเงินปอนด์เริ่มชะลอการอ่อนค่า หลังสํานักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักร (ONS) เปิดเผยว่า ปัจจุบันความเสี่ยงการ กลับมาติดเชื้อโควิด-19 ซ้ําอีกครั้งในอังกฤษ อยู่ในระดับต่ํามาก โดยผู้ที่กลับมาป่วยโรคโควิด-19 ซ้ํา มีแนวโน้มมีระดับเชื้อไวรัสในร่างกายต่ํากว่า (แต่ยังคงตรวจพบได้) และมีรายงานอาการน้อยลง แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอังกฤษจะยังคงเพิ่มขึ้นมาสูงกว่า 2 หมื่นราย/วัน แต่อัตราการเสียชีวิตอยู่ระดับค่อนข้างต่ํา นอกจากนี้ รัฐบาล อังกฤษเตรียมพิจารณาแผนระดมฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เพิ่มเติมในช่วงเดือนก.ย.นี้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน ขณะที่ปัจจุบันอังกฤษฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดสแรกให้กับประชาชนวัยผู้ใหญ่เป็นจํานวน 85% ของประชากรทั้งหมด โดย 60% ได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้ว ความสําเร็จของแผนระดมฉีดวัคซีนของอังกฤษ ทําให้ นายบอริส จอห์นสัน นายกฯอังกฤษให้คํามั่นว่า จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ปัจจัยดังกล่าวช่วยพยุงราคาทองคําไว้ ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า หลังจากราคาทิ้งตัวลงอาจเห็น การฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นของราคาแต่หากราคาทองคํายังสามารถไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,774-1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ แสดงว่าแรงขาย ยังคงแข็งแกร่งอาจทําให้เกิดการอ่อนตัวลง โดยประเมินแนวรับบริเวณที่ 1,753-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้ก็จะเห็นการดีดตัว ขึ้นอีกครั้ง กลยุทธ์การลงทุน การเข้าซื้อขายยังคงเน้นการเก็งกําไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว แนะนําเปิดสถานะขายทํากําไรระยะสั้น ในโซน 1,774-1,778 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์ (ฝั่งขายตัดขาดทุน 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เพื่อรอเข้าซื้อคืนเมื่อราคาอ่อนลงหรือไม่หลุดบริเวณแนวรับ 1,753-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คำแนะนำ ระยะสั้นราคาอาจฟื้นตัวขึ้น พยายามทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,774-1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้ อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,753-1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์
• (+) "อังกฤษ เสี่ยงติดโควิดซ้ําอยู่ระดับต่ํา สํานักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักร (ONS) เปิดเผยว่า ปัจจุบันความเสี่ยงการกลับมาติดเชื้อโควิด
19 ซ้ําอีกครั้งในอังกฤษ อยู่ในระดับต่ํามาก ONS รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากผลสํารวจการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (Coronavirus Infection Survey) ระหว่างวันที่ 26 เม.ย. 2553 - 5 มิ.ย. 2554 ซึ่งข้อมูลครอบคลุมหลายพันครัวเรือนที่ยินยอมทดสอบโรคโควิด-19 เป็นประจํา เพื่อตรวจดูว่า พวกเขาติดเชื้อหรือไม่ มีคณะนักวิจัยกําหนดให้ “วันที่ผู้เข้าร่วมเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19" เป็นปัจจัยการพิจารณาหลัก เนื่องจากผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในปี ก่อนจะมีเวลากลับมาติดเชื้อซ้ํามากกว่าผู้ป่วยในช่วงไม่นานมานี้ ขณะเดียวกัน ONS ยังเสริมด้วยว่า ผู้ที่กลับมาป่วยโรคโควิด-19 มีแนวโน้มมีระดับ เชื้อไวรัสในร่างกายต่ํากว่า (แต่ยังคงตรวจพบได้) และมีรายงานอาการน้อยลง อาทิ ไอ มีไข้ สูญเสียกลิ่นหรือการรับรส ปวดกล้ามเนื้อ และเมื่อยล้า อังกฤษ รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่ม 22,868 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. 2564 ทําให้มีผู้ป่วย สะสม 4,755,078 ราย และตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ทําให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตรวม 128,103 ราย โดยนับเฉพาะผู้เสียชีวิตภายใน 28 วัน หลังมีผลตรวจโรคเป็นบวกครั้งแรก
• (+) อังกฤษเล็งพิจารณาฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้นภูมิให้ประชาชนอีกครั้งในเดือนก.ย. รัฐบาลอังกฤษเตรียมพิจารณาแผนระดมฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เพิ่มเติมในช่วงเดือนก.ย.นี้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน หลังได้รับคําแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนว่า ประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุและ กลุ่มเปราะบางอาจต้องได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่สาม รัฐบาลอังกฤษระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินใจแน่นอนว่า จะมีแผนระดมฉีดวัคซีนครั้งใหม่ หรือไม่ แต่เจ้านน้าที่แนะนําว่า ควรเตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นการป้องกัน คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการฉีดวัคซีนและสร้างภูมิคุ้มกัน ของอังกฤษ (JCVI) ให้คําแนะนําว่า ควรเตรียมแผนระดมฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 อีกครั้งในเดือนก.ย.นี้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเริ่มจาก ประชาชนกลุ่มที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป, ผู้อาศัยในบ้านพักคนชรา, และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือกลุ่มเปราะบางอื่นๆ สํานักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อังกฤษฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดสแรกให้กับประชาชนวัยผู้ใหญ่เป็นจํานวน 85% ของประชากรทั้งหมด โดย 60% ได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้ว ความสําเร็จของแผนระดมฉีดวัคซีนของอังกฤษ ทําให้นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษให้คํามั่นว่า จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ แม้ว่าจํานวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาจะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม ข้อมูลวิจัยระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่าง น้อย 6 เดือน โดยคาดว่า ในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้ จะมีงานวิจัยเพิ่มเติมที่ศึกษาเรื่องระยะเวลาที่วัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงประสิทธิภาพ ของการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
https://th.investing.com/currencies/xau-usd
กระทู้พูดคุยเกี่ยวกับราคาทองคำ SPOT
https://th.investing.com/currencies/xau-usd-commentary
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th