🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

ก๊าซธรรมชาติมุ่งหน้าทำ High ไม้แปรรูปมุ่งหน้าทำ Low

เผยแพร่ 01/07/2564 10:28
LCO
-
CL
-
NG
-
LHc1
-
ZW
-
ZC
-
TRCCRB
-
LXRc1
-

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตอนนี้เราได้ก้าวเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลังของ 2021 กันแล้ว ในช่วงครึ่งปีแรกมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย ภาคต่อของภัยโรคระบาดโควิดได้สร้างภาพของความเหลื่อมล้ำให้เห็นได้อย่างชัดเจน ประเทศที่พัฒนาแล้วสามารถกลับมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ปกติ ในขณะที่ประเทศด้อยพัฒนาขอเพียงแค่จะเข้าถึงไฟเซอร์สักเข็มยังเป็นเรื่องที่ยากมาก

ความเหลื่อมล้ำนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในภาพรวมทางเศรษฐกิจ แต่ยังส่งผลไปถึงตลาดลงทุนอื่นๆ และหนึ่งในนั้นคือตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แม้ว่าตลาดนี้มักจะได้ชื่อว่าชอบภาวะเงินเฟ้อมากมาย แต่เมื่อได้ไล่ดูจริงๆ แล้ว กลับมีเพียงบางตัวเท่านั้นที่ได้ประโยชน์จากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ลามไปสู่พิษเศรษฐกิจ 

หากถามว่าในไตรมาสสองปี 2021 สินค้าโภคภัณฑ์ตัวไหนโดดเด่นที่สุดหากไม่ใช่น้ำมัน เราขอมอบตำแหน่งนั้นให้กับก๊าซธรรมชาติ แหล่งพลังงานที่สามารถใช้ได้ทั้งอากาศร้อนและเย็น ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม - มิถุนายน สัดส่วนการใช้งานก๊าซธรรมชาติของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น 42% หากจากจุดสูงสุดในช่วงไตรมาสสามปีที่แล้ว 44% เพียงนิดเดียวเท่านั้นNatural Gas Daily

ในขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติกำลังทะยานขึ้นสู่ดวงจันทร์อย่างสนุกสนาน ตัดภาพกลับมาที่อีกหนึ่งตลาดที่เรียกได้ว่าขึ้นสุดในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม แต่ก็ลงสุดหลังจากนั้น คงจะไม่มีใครอีกแล้วนอกเหนือไปจากราคาไม้แปรรูปในระหว่างเดือนมีนาคม - มิถุนายน ราคาไม้แปรรูปได้ปรับตัวลดลงมา 25% และหากนับเฉพาะเดือนมิถุนายนเดือนเดียว ราคาไม้แปรรูปรับตัวลดลงมามากถึง 40%Lumber Daily

นอกจากก๊าซธรรมชาติแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่พากันสร้างจุดสูงสุดในรอบหลายปีก็มีหลายตัว ยกตัวอย่างเช่นข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลืองและน้ำมัน ดัชนีที่ใช้วัดความเป็นไปของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง TR/CC CRB Excess Return Index ตลอดทั้งไตรมาสที่สองได้ปรับตัวขึ้นมา 14% และหากนับเฉพาะเดือนมิถุนายนเดือนเดียวถือว่าสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ 3%

ครั้งสุดท้ายที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์สามารถเติบโตได้มากขนาดนี้ต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 2000 และปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศจีนกำลังดูดซับวัตถุดิบจำนวนมากมาผลิตและส่งออกไปขายในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก จนวันนี้จีนสามารถกลายเป็นผู้ที่สามารถซื้อได้เองทุกสิ่ง ไล่มาตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรไปจนถึงเทือกเขาอันไต

เชื่อว่านักลงทุนที่อยู่ในตลาดมานานคงจะพอคาดการณ์ได้ว่าความต้องการน้ำมันดิบจะต้องฟื้นตัวกลับมาจากวิกฤตโควิดได้ แต่สำหรับขาขึ้นในก๊าซธรรมชาตินั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะให้ความสนใจ นอกจากการระบาดของโควิดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีความแปรปรวนเป็นอย่างมากในปีนี้คือสภาพอากาศ ทุกวันนี้การคาดการณ์ปริมาณการใช้งานก๊าซธรรมชาติในช่วงหน้าร้อนที่เริ่มต้นไปสักพักแล้วกับปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังเป็นสิ่งที่ยากกว่าเดิมหลายเท่า

อันที่จริงก๊าซธรรมชาติเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงในระดับที่ไม่น้อยหน้าทองคำหรือน้ำมันเลยทีเดียว ในปี 2008 ราคาก๊าซธรรมชาติเคยสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $13 ต่อ mmbtu และเมื่อปีที่แล้วนี่เองที่ราคาก๊าซธรรมชาติได้ลงมาสร้างจุดต่ำสุดต่ำกว่า $1.50 ต่อ mmbtu ในไตรมาสที่ 1 นักวิเคราะห์หลายสำนักยังสบประมาทราคาก๊าซธรรมชาติอยู่เลยว่าคงไปไหนไม่ได้ไกลหลังจากที่เห็นขาลงในเดือนมีนาคม 6% แต่ในไตรมาสที่พึ่งผ่านมา นักวิเคราะห์เหล่านั้นคงจะต้องออกไปเตะฝุ่นอยู่ไหนสักแห่งเพราะราคาก๊าซธรรมชาติทะยานขึ้นสูงเกินคาดภายในเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น

อากาศที่หนาวเย็นลงอย่างฉับพลันในช่วงเดือนเมษายนทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 12% หลังจากนั้นสหรัฐฯ ก็เริ่มเข้าสู่หน้าร้อนในเดือนพฤษภาคม สร้างขาขึ้นต่อเนื่องอีก 4% และ อีก 22% ภายในเดือนมิถุนายนเดือนเดียว สะท้อนความต้องการอยากเที่ยวของชาวอเมริกันในช่วงหน้าร้อน

ก๊าซธรรมชาติกับฉายา “ขึ้นเองนักเลงพอ”

นักวิเคราะห์จาก Gelber & Associates วิเคราะห์สถานการณ์ของตลาดก๊าซธรรมชาติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า

“กราฟราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าสามารถเจาะแนวต้าน $3 mmBtu ขึ้นมาวิ่งใกล้กับ $3.631 mmBtu ได้ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดของช่วงหน้าหนาวปีที่แล้ว ในตอนนี้เราจึงให้กรอบการวิ่งของราคาเอาไว้ที่ $3-$4 mmBtu เราเชื่อว่าขาขึ้นครั้งนี้จะยังคงอยู่ต่อไป เพราะเป้าหมายแนวต้านถัดมาที่นักลงทุนต้องการจะดันไปให้ถึงคือ $3.84 mmBtu”

“ขาขึ้นในตอนนี้” นักวิเคราะห์กล่าวต่อ “เปิดโอกาสให้เหล่าผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องสามารถทำกำไรในระยะสั้นจากความต้องการดันราคาของนักเก็งกำไรที่ไม่ได้สนใจมูลค่าของสินทรัพย์มากไปกว่ากำไรของตนเอง โอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงด้วยปัจจัยพื้นฐานในตอนนี้แทบไม่มี ยกเว้นว่าราคาจะถูกดันให้สูงขึ้นไปตลอดจนกระทั่งถึงช่วงฤดูหนาว” 

เมื่อพูดถึงพลังงาน จะไม่พูดถึงตลาดน้ำมันเลยก็ดูจะกะไรอยู่ ราคาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าตลอดทั้งไตรมาสที่ 2 สามารถปรับตัวขึ้นมา 23% และหากนับเฉพาะเดือนมิถุนายนเดือนเดียว พบว่า WTI ปรับตัวขึ้นมาทั้งสิ้นเกือบ 11% Crude Oil Daily

เฉพาะปีนี้เพียงปีเดียว ตลาดน้ำมันดิบโดยภาพรวมสามารถปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 51% ตามหลังราคาเนื้อสุกรเพียง 1% เท่านั้น ปีนี้มีการส่งออกเนื้อสุกรไปยังประเทศจีนเป็นจำนวนมากเพราะตลาดเนื้อหมูได้รับผลกระทบจากโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในช่วงสามไตรมาสปรับตัวขึ้นมา 17% และหากนับเฉพาะเดือนมิถุนายนเดือนเดียวพบว่าปรับตัวขึ้นมาทั้งสิ้น 8%

ไม้แปรรูปกับฉายา “ขึ้นสุดลงสุดอย่างแท้จริง”

กราฟราคาไม้แปรรูปคืนขาขึ้นที่เคยสร้างมา 95% ให้กับตลาดไปทั้งหมดเพราะเหล่าบรรดาผู้รับเหมาก่อสร้างยอมแพ้ไม่ขอสู้กับราคาไม้แปรรูปที่แพงเกินกว่าจะได้กำไรในการสร้างที่อยู่อาศัย แม้แต่รายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่ในสหรัฐอเมริกาตอนนี้ยังหดตัวลดลงประมาณ 20% หลังจากที่เคยทำสถิติสูงสุดเอาไว้ที่ 927,000 หน่วยในเดือนธันวาคมปี 2020

คำอธิบายสำหรับปรากฎการณ์นี้ง่ายมาก มันคือผลกระทบจากราคาวัสดุที่มีราคาสูงเกินไป ถึงแม้ว่าความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่จะยังไม่ลดลง แต่เมื่อคำนวณต้นทุนแล้ว ทั้งผู้ต้องการสร้างที่อยู่อาศัยและผู้รับเหมาต่างมีความเห็นตรงกันว่าสู้ราคาไม่ไหว ข้อมูลจากสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBA) คาดการณ์ว่าค่าเฉลี่ยของขนาดเงินกู้เพื่อสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นจาก $377,434 ในเดือนเมษายนเป็น $384,000 ในเดือนพฤษภาคม

เมื่อสามปีก่อน ราคาสินค้าไม้แปรรูปเคยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $300-$500 ต่อหนึ่งพันบอร์ดฟุต จากนั้นราคาไม้แปรรูปก็ถูกปรับขึ้นทันที 24% จากการขึ้นกำแพงภาษีไม้แปรรูปหรือผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปที่ถูกนำเข้ามาจากแคนาดาโดยฝีมือของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ว่าทรัมป์จะลงจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ช่วงเวลาที่โรคระบาดเข้ามาก็ประจวบเหมาะกับรอยต่อนี้ ทำให้จากเดิมที่ไม้แปรรูปควรจะมีราคาลดลงก็ต้องเพิ่มขึ้นเพราะปัญหาซัพพลายเชนคอขวดที่สร้างผลกระทบมาจนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาเผยว่าราคาไม้แปรรูปที่สูงเกินไปมีส่วนทำให้ราคาบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวหนึ่งหลังแพงขึ้นเป็น $35,872 และทำให้ค่าเฉลี่ยของราคาบ้านสำหรับครอบครัวใหญ่เพิ่มขึ้นอีก $12,966 หากภาครัฐไม่รีบจัดการแก้ไขปัญหาคอขวดนี้ เป็นไปได้ยากมากที่จะรอให้ราคาสินค้าเหล่านี้ปรับตัวลดลงมาเอง 

ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ราคาไม้แปรรูปมีตัวเลขอยู่ที่ $770 ต่อหนึ่งพันลูกบาศก์ฟุต ปรับตัวลดลงมา $103 หรือคิดเป็น 12% จากวันแรกที่ตลาดเปิดให้ทำการซื้อขายในปี 2021

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย