สรุป ดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี และดัชนีราคา บ้านพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 30 ปี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้การฟื้นตัวของราคาทองคําเป็นไปอย่างจํากัด ขณะที่วันนี้ นักลงทุนมุ่งจับตา ไปที่การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สําคัญของสหรัฐ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก และยอดทําสัญญา ขายบ้านที่รอปิดการขาย ซึ่งหากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง จะยิ่งกระตุ้นคาดการณ์ของนักลงทุนในตลาดเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบาย การเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งจะหนุนดอลลาร์แข็งค่าและกดดันราคาทองคําเพิ่มเติมได้ แต่ในทางกลับกัน หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแย่กว่า คาดการณ์ อาจส่งผลให้ดอลลาร์ชะลอการแข็งค่า และหนุนการฟื้นขึ้นของราคาทองคําได้เช่นกัน เบื้องต้น ราคาอยู่ในช่วงการพักฐาน โดยเน้นการเก็งกําไร ระยะสั้น หากราคายืนเหนือโซนแนวรับแรกบริเวณ 1,751 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทําให้ราคายังคงมีโอกาสขยับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,772-1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังแนะนําระวังแรงขายทํากําไรที่อาจสลับออกมา หากราคายังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือโซนแนวต้านดังกล่าว
คำแนะนำ หากราคายืนเหนือโซนแนวรับ 1,751 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์(ระดับต่ าสุดวานนี้)ได้อาจทำให้เห็นการดีดตัวขึ้นเพื่อพยายาม ทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,772-1,778 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยังไม่ สามารถขึ้น ไปยืนเหนือแนวต้านได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาลงเพื่อ สร้างฐานราคาอีกครั้ง
ข่าวสารประกอบการลงทุน
• (-) ผู้ว่าการเฟดแนะลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ปีนี้ ก่อนปูทางเฟดขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า เฟดอาจจําเป็นต้องเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อสินทรัพย์อย่างเร็วที่สุดในปีนี้ เพื่อเปิดทางให้เฟดมีความพร้อมที่ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปลายปีหน้า นายวอลเลอร์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า “อัตราว่างงานของสหรัฐจะต้องปรับตัว ลงอย่างมีนัยสําคัญ และอัตราเงินเฟ้อจะต้องอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เราจะพิจารณาอย่างจริงจังเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ซึ่งผมไม่ปฏิเสธว่ามันจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว" ขณะเดียวกันนายวอลเลอร์ได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยว่าเขาเป็น 1 ใน 7 กรรมการเฟดที่เชื่อ ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 และไม่เปิดเผยว่าเขาเป็น 1 ในกรรมการเฟด 11 คนที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2566 อย่างไรก็ดี นายวอลเลอร์กล่าวว่า "เนื่องจากระยะวิกฤตของการแพร่ระบาดได้ผ่านพ้นไปแล้ว เฟดจึงอยู่ในระยะของการดําเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ แตกต่างจากเมื่อก่อน และถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มพิจารณาเรื่องการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเริ่มจากการพิจารณาว่าควร ดําเนินการอย่างไรและเมื่อใดในการปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจํานอง (MBS) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 4 หมื่นล้าน ดอลลาร์ต่อเดือน และลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน "ผมสนับสนุนให้เริ่มจากการปรับลด วงเงินซื้อสินทรัพย์ MBS ก่อน เนื่องจากขณะนี้ตลาดที่อยู่อาศัยกําลังอยู่ในภาวะร้อนแรงและไม่ต้องการการสนับสนุนที่ไม่จําเป็น" นายวอลเลอร์ กล่าว นายวอลเลอร์เป็นกรรมการเฟดคนใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานในคณะกรรมการเฟดในปีที่แล้ว หลังจากที่เคยเป็นผู้อํานวยการฝ่ายวิจัย ให้กับนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ สําหรับนายบูลลาร์ดนั้น เขาได้เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาเป็นกรรมการเฟด 1 ใน 7 รายที่คาดว่า เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ "ผมคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีหน้าเพื่อควบคุม เงินเฟ้อที่จะพุ่งแตะ 3% ในปีนี้ และจะอยู่ที่ 2.5% ไปจนถึงปี 2565 โดยสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของเฟด" นายบูลลาร์ดกล่าว
(+/-) "บัฟเฟตต์" ชี้โควิดกระทบธุรกิจรายย่อยหนัก-คาดวิกฤตยังไม่จบ นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันและเจ้าของบริษัทเบิร์ก เชียร์ แฮธาเวย์ ออกมาให้ความเห็นว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจรายย่อยมากกว่าธุรกิจประเภทอื่นๆ มาก และคาดว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นนั้นจะยังไม่คลี่คลายเร็วๆ นี้ "ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นขณะนี้มีความเหลื่อมล้ําอย่างมาก ธุรกิจรายย่อย นับล้านรายได้รับผลกระทบอย่างสาหัส แต่ธุรกิจรายใหญ่ส่วนมากกลับฝ่าวิกฤตมาได้โดยแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย" นายบัฟเฟตต์กล่าวกับ ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ CNBC ในช่วงเดือนมี.ค. 2563 เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แพร่ระบาดไปทั่วสหรัฐและส่งผลกระทบอย่างหนัก จนทําให้รัฐบาล สหรัฐประกาศใช้มาตรการปิดเศรษฐกิจที่มีมูลค่า 20 ล้านล้านดอลลาร์ ธุรกิจรายย่อยจํานวนมากถูกบังคับให้ปิดกิจการชั่วคราว ขณะที่ร้านค้าปลีก รายใหญ่และยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซใช้โอกาสนี้เข้ามาดึงดูดลูกค้าให้ใช้บริการของตน ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐใน ไตรมาส 1/2563 หดตัวลง 31.4% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงสุดนับตั้งแต่ยุคภาวะเศรษฐกิจตกต่ําครั้งใหญ่ในสหรัฐ
https://th.investing.com/currencies/xau-usd
กระทู้พูดคุยเกี่ยวกับราคาทองคำ SPOT
https://th.investing.com/currencies/xau-usd-commentary
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th