ราคาก๊าซธรรมชาติในทุกวันนี้ปรับตัวขึ้นมาสูงมาก หากย้อนเวลากลับไปเมื่อสามเดือนก่อนได้ เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะเชื่อว่าราคาก๊าซธรรมชาติจาก $2.60 ในเดือนมีนาคมจะสามารถปรับตัวขึ้นมาได้สูงถึงขนาดที่อยู่ห่างจากระดับราคา $3.50 ต่อ mmBtu เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะยังห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $13 ต่อ mmBtu ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008 ก็ตาม
แต่ในโลกของการลงทุนก็อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าไม่มีอะไรแน่นอน แม้ราคาก๊าซธรรมชาติจะสามารถขึ้นมาได้สูงขนาดนี้แต่ก็ไม่มีใครกล้าฟันธงว่าราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าบนตลาด NYMEX ของท่าเรือเฮนรี่ จะสามารถขึ้นไปถึงระดับราคา $4-$5 ได้หรือไม่ (ทั้งสองตัวเลขที่เป็นระดับราคาที่สูงมากๆ แล้วในวงการก๊าซธรรมชาติ)
ตลาดก๊าซธรรมชาติอาจปิดไตรมาส 2 ด้วยขาขึ้น 30% โดยประมาณ
หากไม่มีปัจจัยอะไรนอกเหนือจากนี้มากระทบเช่นราคาถ่านหินถูกลง ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าบนตลาด NYMEX ของท่าเรือเฮนรี่ อาจจะสามารถปิดไตรมาส 2 ด้วยขาขึ้นตลอดทั้งไตรมาสคิดเป็น 30% ได้ เพราะดูเหมือนว่าหน้าร้อนของอเมริกาในปีนี้จะสูงจนต้องทำให้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ต้องเปิดแอร์อยู่ที่บ้านเอาไว้ตลอดเวลา
ที่มา: Gelber & Associates
อย่างไรก็ตามตัวเลข 30% ของไตรมาสนี้ก็ยังไม่สามารถสู้ตัวเลขขาขึ้น 45% ของช่วงไตรมาสสามในปี 2020 ได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็แย้งว่าที่ขาขึ้นในตอนนี้สู้ราคาตอนปีที่แล้วไม่ได้เป็นเพราะท่าเรื่องเฮนรี่คำนวณโดยอ้างอิงจากตัวเลขฐานต่ำที่ $1.75 ต่อ mmBtu ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายนปี 2020 ซึ่งในช่วงนั้นสหรัฐฯ ทั้งประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตโรคระบาด ไม่สามารถออกจากบ้านได้ ก็เป็นธรรมดาที่จะมีการใช้งานเครื่องปรับอากาศมากกว่าในปีนี้
ในขณะที่ปีที่แล้วเริ่มวัดจากตัวเลขฐานต่ำที่ $1.75 ในไตรมาสนี้กลับเริ่มนับที่ประมาณ $2.50 โดยประมาณ เมื่อคำนวณเช่นนี้จึงดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเท่าไหร่หากจะบอกว่ามีการใช้งานเครื่องปรับอากาศมากขึ้นเพราะอากาศในปีนี้ร้อนกว่าปีที่แล้ว แดน ไมยร์ นักวิเคราะห์จาก Gelber & Associates ให้ความเห็นกับตลาดก๊าซธรรมชาติว่า
“ถึงแม้ว่าราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าจะทรงตัวอยู่ที่ $3.35/mmBtu โดยประมาณ แต่ขาขึ้นในวันนี้ก็ส่งให้ราคาก๊าซธรรมชาติขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือน ใกล้กับจุดสูงสุดในช่วงปลายปี 2020 แล้ว”
นอกจากนี้ราคาก๊าซธรรมชาติคงคลังที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้โดย EIA ระบุว่ามีปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์แต่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับตัวเลขในสัปดาห์ก่อน ในสัปดาห์นี้ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังมีตัวเลขอยู่ที่ 55 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (bcf) เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน 16 พันล้านลูกบาศก์ฟุต
ยิ่งร้อนเท่าไหร่ คนก็ยิ่งต้องการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น
CDD คือหน่วยวัดที่นักวิเคราะห์เอาไว้ประเมินความต้องการความร้อนหรือเย็นภายในบ้านและสำนักงาน โดยจะวัดว่าค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิในแต่ละวันว่าอยู่เหนือ 18 องศาเซลเซียสหรือ 65 องศาฟาเรนไฮต์ขึ้นไปหรือไม่ ข้อมูลล่าสุดจาก Refinitiv เมื่อสัปดาห์ที่แล้วระบุว่าอากาศค่อนข้างร้อนกว่าปกติโดยที่ตัวเลขออกมาอยู่ที่ 78 CDD สูงกว่าตัวเลขค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปีที่ 65 CDD
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าความร้อนที่เพิ่มขึ้นทำให้หลายๆ พื้นที่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ เกิดปัญหาไฟฟ้าดับเนื่องจากมีการใช้งานเครื่องปรับอากาศมากเกินไป แดน ไมยร์ วิเคราะห์ในประเด็นนี้ว่า
“สาเหตุที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังลดลงก็เป็นเพราะอุณภูมิที่ร้อนขึ้นจนส่งผลให้คนใช้ก๊าซธรรมชาติเยอะขึ้น แต่สาเหตุที่ราคาก๊าซธรรมชาติยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน $3 ขึ้นไปได้เป็นเพราะราคาถ่านหินที่ถูกลงทำให้ผู้คนมีตัวเลือกมากขึ้น”
ความต้องการ LNG สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
ที่มา: Gelber & Associates
แก๊สธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นก๊าซธรรมชาติที่ถูกนำไปทำให้สถานะของก๊าซกลายเป็นของเหลวโดยทำให้อุณหภูมิลดลง จากรายงานของ Gelber & Associates ระบุว่าความต้องการ LNG เพื่อส่งออกในแต่ละวันเพิ่มขึ้นเป็น 11 bcf ต่อวัน
“เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่เราไม่ได้เห็นตัวเลขความต้องการส่งออก LNG ขึ้นมาอยู่ในระดับนี้ ครั้งสุดท้ายที่เห็นคือช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ในตอนนั้นโรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติสู่ LNG หลายแห่งต้องหยุดทำงานเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรให้พร้อมรับหน้าร้อน” แดน ไมยร์ กล่าว
ข้อมูลจากเว็บไซต์ naturalgasintel.com รายงานสภาพอากาศโดยภาพรวมของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ว่าจะร้อนขึ้นเป็นเวลา 5-15 วัน และในระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน - 5 กรกฎาคมอาจจะร้อนเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์จาก Holt & Co ก็ได้มีรายงานออกมาเช่นกันว่าพวกเขากำลังจับตาดูปริมาณการสร้างพลังงานที่เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงหน้าร้อนนี้
ก่อนหน้านั้นบริษัทเคยได้ออกตัวเลขคาดการณ์ว่านับตั้งแต่ช่วงเช้าสู่หน้าร้อนไปจนถึงเดือนกันยายนจะมีการใช้พลังงานอยู่ที่ 1.3 bcf ต่อวันซึ่งเป็นโมเดลทางคณิตศาสตร์ที่อ้างอิงมาจากราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งถูกปรับขึ้น 25 เซนต์ ข้อมูลจาก Holt & Co บางส่วนระบุว่า
“เมื่อเทียบข้อมูลปริมาณ LNG คงคลังในช่วงห้าปีโดยเฉลี่ย (3.7 tcf) กับปริมาณ LNG ที่มีในคลังตอนนี้ (3.4 tcf) จะพบว่าตัวเลขในตอนนี้น้อยกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ 6% โดยประมาณ ถ้าหากไม่นับช่วงเวลาที่จะมีการอัดก๊าซ LNG เข้าไปในคลังสำรองมากกว่าปกติ โมเดลทางคณิตศาสตร์ของเราระบุว่าปริมาณ LNG คงคลังจะอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยไปจนถึงปี 2022 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติมีโอกาสขยับขึ้นไปยัง $3.25/mmBtu ได้”