ถึงแม้ว่าราคาโกโก้ตลอดทั้งปี 2021 จะปรับตัวลดลง 9% และราคาซื้อขายน้ำส้มล่วงหน้าจะปรับตัวลดลง 4% แต่ก็อย่าได้ฝันว่าราคาโกโก้ร้อนในสตาร์บัคส์ (NASDAQ:SBUX) หรือราคาน้ำส้มทรอปปิคคานา (NASDAQ:PEP) จะมีราคาลดลงตาม ถ้าแม้แต่ในช่วงเวลาปกติ ราคาสินค้าเหล่านี้ยังไม่เคยลด เพราะฉะนั้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ทุกคนแย่งชิงทรัพยากรกันอย่างหนักก็คงทำได้แค่ฝัน
ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าเมล็ดโกโก้หรือส้มที่ออกมาจากสวนจะสามารถส่งตรงถึงมือผู้บริโภคได้ทันที แน่นอนว่าเราต้องมี “ตัวกลาง” ที่เป็นผู้ช่วยในการขนส่งสินค้าต่างๆ มาให้ถึงมือเรา วงการโลจิสติกส์หรือซัพพลายเชน จึงมีส่วนสำคัญกับกระบวนการผลิต แปรรูป และส่งต่อเป็นอย่างมาก การแข่งขันกับเวลาจึงกลายเป็นกิจวัตรของวงการนี้ที่ไม่อาจยอมให้สิ่งใดมาขัดขวางกระบวนการผลิตได้ แต่เมื่อโลกเราต้องเผชิญหน้ากับภัยโรคระบาด จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่ซัพพลายเชนจะไม่ได้รับผลกระทบ
โควิดระบาดสร้างผลกระทบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
กว่าสินค้าแต่ละชิ้นจะมาถึงมือเราได้ต้องผ่านกระบวนการมหาศาลมาก คุณลองเดินไปหยิบดูกล่องน้ำส้มในตู้เย็นที่บ้านคุณมาดูก็ได้ แล้วลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่ากว่าจะมาเป็นบรรจุภัณฑ์ได้หนึ่งกล่อง น้ำส้มยี่ห้อนั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง ไล่มาตั้งแต่ฝาพลาสติกไปจนถึงกระดาษที่นำมาทำเป็นกล่องผลิตภัณฑ์ และเพื่อลดต้นทุนการผลิตสินค้าจำนวนมากให้มีราคาถูกที่สุด บริษัทผู้ผลิตจึงต้องไปตั้งโรงงานผลิตในพื้นที่ที่มีต้นทุนถูกที่สุด
การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกได้เห็นปัญหาหนึ่งอย่างชัดเจน นั่นคือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกัน สำหรับประเทศมหาอำนาจ พวกเขาแทบจะเลิกใส่หน้ากาก ออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว วัคซีนที่มีคุณภาพสูงก็เริ่มถูกเอาไปทดลองใช้กับสิ่งมีชีวิตอื่นเล่นๆ แต่สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนานั้น แค่การจะหาวัคซีนดีๆ มาฉีดยังเป็นเรื่องที่ยากมาก แน่นอนว่าปัญหานี้ย่อมส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชน การที่ประเทศเหล่านั้นยังต้องเปิดๆ ปิดๆ พื้นที่ล็อกดาวน์อยู่ตลอดต้องทำให้กระบวนการผลิตต้องล่าช้า
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่ากันยังสร้างความเหลื่อมล้ำในเชิงของผลกระทบกับบริษัทด้วย สำหรับบริษัทใหญ่ๆ พวกเขาอาจจะเจ็บตัวไม่มากนักเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดกลางหรือขนาดเล็ก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่อาจจะอธิบายได้ว่าทำไมแมคโดนัลด์ (NYSE:MCD) ในอเมริกาถึงกล้าขึ้นราคาแซนวิชที่ถูกที่สุดในช่วงเวลาเช่นนี้ เพราะพวกเขามั่นใจว่าไม่มีคู่แข่งคนไหนที่มีกำลังพอที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ในตอนนี้
นิตยสาร Wall Street Journal ได้พูดถึงสถานการณ์ของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เอาไว้เมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า “โลกของเราไม่เจอสภาวะที่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์พร้อมใจกันวิ่งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1970 และปี 2008 แล้ว”
ผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นซึ่ง WSJ อ้างถึงคือราคาไม้แปรรูป ทองแดง แร่เหล็ก ข้าวโพด (สร้าง high ใหม่ในรอบ 8 ปี) ข้าวสาลี ถั่วเหลืองและน้ำมันดิบ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว
ถ้อยแถลงที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มีต่อสภาคองเกรสเมื่อคืนนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากที่ได้แถลงหลังการประชุม FOMC เมื่อสัปดาห์ก่อนมากนัก แต่เขาก็ได้ยอมรับต่อสภาว่าเฟดอาจจะประเมินความร้อนแรงของเงินเฟ้อผิดไป แต่ก็ยังยืนยันว่าเงินเฟ้อเป็นเพียงผลกระทบชั่วคราว นั่นหมายความว่าเฟดทำใจเอาไว้แล้วว่าในช่วงนี้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ใช้วัดอัตราเงินเฟ้อจะต้องปรับตัวเพิ่มขึ้น
มาตรวัดที่เฟดนิยมใช้เพื่อวัดการเติบโตของอัตราเงินเฟ้อหลักๆ มีอยู่ทั้งหมดสองตัวเลข หนึ่งคือดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ประกาศไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่สองของเดือนมิถุนายน และตัวเลขที่สองคือดัชนีการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ที่จะเป็นตัวบอกรายได้และการจับจ่ายใช้สอยส่วนบุคคล
ครั้งล่าสุดที่ PCE มีการประกาศออกมาคือเดือนเมษายน ซึ่งตัวเลขในเดือนนั้นปรากฎว่าเพิ่มขึ้นมา 3.1% เท่ากันกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว อันที่จริงเฟดทราบดีว่าสาเหตุที่ PCE เพิ่มขึ้นเกิดมาจากปัญหาซัพพลายเชนขาดแคลนที่ทำให้ราคาสินค่าแพงขึ้น แต่เจอโรม พาวเวลล์และเฟดคนอื่นๆ ที่ยังมองว่าควรผ่อนคลายนโยบายทางการเงินต่อไปกลับพยายามที่จะบอกกับทุกคนว่าปัญหานี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
ทำเนียบขาวหนุนเฟด เชื่อว่าเงินเฟ้อเป็นเรื่องชั่วคราว
ที่ผ่านมาเรามักจะเห็นว่าทำเนียบขาวไม่ค่อยจะให้ความใส่ใจกับเรื่องเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ มากนักเพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว บางพื้นที่ของสหรัฐอเมริกาสามารถกลับมาอยู่ในช่วงก่อนโควิดระบาดได้แล้ว เพื่อเป็นการเรียกความเชื่อมั่นรัฐบาลของโจ ไบเดนจึงได้ออกมาประกาศว่าสถานการณ์ซัพพลายเชนจะคลี่คลายลงได้ภายในก่อนสิ้นปี 2021 นี้ แม้แต่คำพูดที่ใช้แถลงก็ยังยืมคำว่า “ชั่วคราว” ของประธานเฟดมาใช้
“ข้อมูลตัวเลขในภาคการผลิตจากธนาคารกลางประจำภูมิภาคสามแห่งได้ข้อสรุปว่าปัญหาซัพพลายเชนคอขวดจะได้รับการแก้ไขภายในหกเดือนนี้แน่นอน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาต้นทุนในภาคการผลิตที่แพงขึ้นและอาจจะมีความล่าช้าอยู่ในบางขั้นตอนของกลไกการผลิต คงจะดีมากหากภาคเอกชนลดความเห็นแก่ตัวน้อยลง กระจายของที่กักตุนไว้ออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการช่วยชาติและแก้ปัญหาคอขวดในระยะสั้นได้”
เพื่อเป็นการตอกย้ำว่าวิกฤตราคาสินค้าเกษตรครั้งนี้จะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ทำเนียบขาวได้ยกเหตุการณ์สินค้ากาแฟที่เคยมีราคาแพงขึ้นในอดีตมาพูดถึง
“เชื่อว่านักดื่มกาแฟคงยังจำเหตุการณ์ที่ราคากาแฟแพงขึ้นในช่วงปลายปี 2010 กันได้ ตอนนั้นตลาดกาแฟได้รับผลกระทบอย่างหนักเพราะสภาพอากาศที่เย็นมากกว่าปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ราคากาแฟก็กลับลงมาเป็นปกติด้วยเช่นกัน เหตุการณ์ในวันนั้นเหมือนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เราไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกกับราคาสินค้าที่สูงผิดปกติ เพราะนั่นคือผลกระทบที่เกิดจากความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจของเรา และมันจะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น”