รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ภาคเช้า ทองคำฟื้นตัวในกรอบแคบ เหตุเฟดมีท่าทีเปลี่ยนนโยบาย

เผยแพร่ 22/06/2564 09:33
อัพเดท 09/07/2566 17:32

สรูป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ +1.1% โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทางเทคนิคและแรงซื้อ Buy the dip หลังจากทองเผชิญกับแรงขายต่อเนื่อง 6 วัน ทําการติดต่อกัน ประกอบกับได้รับแรงหนุนจากกลับมาอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ถูกเทขายทํากําไรหลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาขานรับผลการประชุมธนาคาร กลางสหรัฐ(เฟด)ที่เป็นไปในเชิง Hawkish กว่าคาด นอกจากนี้ ราคาทองคํายังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการเปิดเผยดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่า คาดสู่ระดับ +0.29 ในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ํากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +0.32 พร้อมกันนี้ ราคาทองคํายังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากถ้อยแถลงของนายจอห์นวิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์กซึ่ง เป็นกรรมการเฟดที่มีสิทธิ์โหวตนโยบายการเงินแบบถาวร ที่ออกมาระบุวานนี้ว่า เศรษฐกิจจําเป็นต้องมีความคืบหน้ามากกว่านี้ ก่อนที่เฟดจะเริ่มลดมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจบางส่วน ซึ่งสะท้อนมุมมองในเชิงสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Dovish Tone) สถานการณ์ดังกล่าว หนุนให้ราคาทองคําฟื้นตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,786.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคํายังเป็นไปอย่างจํากัด เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังในการถือครองทองสถานะทองคําหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณเปลี่ยนท่าทีในการดําเนินนโยบาย การเงินในอนาคต ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -3.50 ตัน สําหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองและดัชนีภาคการผลิตจากเฟดริชมอนด์ อีกทั้งต้องจับตานายพาวเวล ประธานเฟด แถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์ COVID-19 ประจําสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในคืนวันนี้

ราคาเริมมีการดีดตัวกลับทุกครั้งเมือราคาอ่อนตัวลงใกล้ระดับตําสุดของวันก่อนหน้า หากการดีดตัวอยู่ในระดับที่มากกว่า 25-30 เหรียญจะทําให้แรงขายชะลอตัวลง แต่หากการดีดตัวกลับราคายังไม่สามารถกลับไปทดสอบหรือ ยืนเหนือโซนแนวต้าน 1,787-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจเกิดแรงขายกดดันให้ราคาปรับตัวลง โดยมีแนวรับ ระยะสั้นที่ 1,767-1,761 ดอลลาร์ต่อออนซ์

คําแนะนํา ราคาทองคํายังมีกําลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่หาก ราคาทองคําไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,787-1,803 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคําออกขายเพื่อทํากําไร ระยะสั้น แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป

ดูกราฟราคาทองคำ SPOT XAU/USD

https://th.investing.com/currencies/xau-usd

กระทู้พูดคุยเกี่ยวกับราคาทองคำ SPOT

https://th.investing.com/currencies/xau-usd-commentary

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย