การประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาส่งผลให้นักลงทุนขาขึ้นสามารถต่อชีวิตตัวเองไปได้อีกชั่วขณะหนึ่ง แต่สัปดาห์นี้เชื่อว่าความร้อนแรงดังกล่าวจะเพลาลงเนื่องจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเฟดจะตัดสินใจอย่างไรเมื่อได้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ทุกเดือน
นักวิเคราะห์ในตลาดตอนนี้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงนโยบายการเงินและดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิม เพราะตัวเลขการจ้างงานของอเมริกายังไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นมาจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจได้ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งมองว่าเฟดอาจลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อลงด้วยการลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลหลังจากเห็นตัวเลข CPI ขยายตัวในช่วงสองเดือนล่าสุด
ในสถานการณ์เช่นนี้ดัชนีหลักของสหรัฐฯ ก็ได้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายตามทิศทางการเคลื่อนที่เช่นกัน ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่กังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากสินค้าที่มีราคาแพงขึ้น ในขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 กลับปรับตัวสูงขึ้น สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้อีกครั้ง คิดเป็นขาขึ้น 0.4% ตลอดทั้งสัปดาห์ ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องรอการตัดสินใจของเฟด หุ้นตัวไหนบ้างที่เป็นที่จับตามองมากที่สุดประจำสัปดาห์นี้
1. Oracle
บริษัทคอมพิวเตอร์ผู้พัฒนาโปรแกรมฐานข้อมูล และซอฟแวร์คอมพิวเตอร์สำหรับองค์กร ‘ออราเคิล คอร์ปอเรชั่น’ (NYSE:ORCL) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าออราเคิลจะสามารถรายงานตัวเลขผลกำไรในไตรมาสนี้ออกมาอยู่ที่ $11,020 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.31
ในปี 2021 นี้หุ้นออราเคิลสามารถเติบโตขึ้นได้เป็นอย่างมาก ทำขาขึ้นได้สูงถึง 28% มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $82.90 คิดเป็นการคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่าดัชนีแนสแด็ก 100 สามเท่า ขาขึ้นครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความต้องการบริการคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เชื่อว่าอัตราการเติบโตของหุ้นออราเคิลในปีนี้จะไม่หยุดลงแต่เพียงเท่านี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทได้ดำเนินนโยบายทางธุรกิจมาถูกทางแล้ว ในอดีตออราเคิลเคยประสบปัญหาในการสร้างผลกำไรเนื่องจากเน้นการขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มากเกินไป การเติบโตขึ้นของผลกำไรในปัจจุบันสามารถชดเขยกำไรที่เสียไปในอดีตได้สำเร็จ
2. Adobe Systems
บริษัทผู้สร้างโปรแกรมตัดต่อภาพชื่อดัง ‘โฟโต้ช็อป’ (NASDAQ:ADBE) กำลังจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าอาโดบีจะสามารถรายงานตัวเลขผลกำไรในไตรมาสนี้ได้ $3,730 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.81
การรายงานผลประกอบการของอาโดบีในช่วงโควิดระบาดแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการใช้งานโปรแกรมในตระกูลอาโดบีเพิ่มมากขึ้น นายศานทานู นารายณ์ CEO ของบริษัทจึงได้ตอบสนองความต้องการนั้นด้วยการเพิ่มเครื่องมือการพัฒนางานศิลปะใหม่ๆ ลงไปในโปแกรมเพื่อเพิ่มความต้องการและเร่งกำไรของบริษัทให้สูงมากยิ่งขึ้น
ในเดือนมีนาคมปี 2021 อาโดบีได้เพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรรวมตลอดทั้งปี 2021 ขึ้นเป็น $15,450 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดิม $15,150 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกันนี้บริษัทได้เพิ่มตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อดิจิทัลจาก 19% ขึ้นเป็น 22% และเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การปันผลต่อหุ้นตลอดทั้งปีขึ้นจาก $11.20 เป็น $11.85 ล่าสุดหุ้นอาโดบีมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $541.26 เพิ่มขึ้น 8% ตลอดทั้งปี 2021
การเติบโตของยอดผู้ใช้งานโปรแกรม ‘อิลลาสเตรเตอร์’ (Illustrator) บนไอแพด (iPad) ของแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้การที่แอปเปิลให้ความสำคัญกับการพัฒนาไอแพดทำให้ยอดดาวน์โหลดแอปฯ อื่นๆ ของอาโดบีอย่างเช่น ‘อาโครแบต พีดีเอฟ’ (Acrobat PDF) เติบโตขึ้นอย่างสังเกตได้อีกด้วย
3. Kroger
หนึ่งในบริษัทผู้ทำซุปเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ของประเทศสหรัฐอเมริกา ‘โครเกอร์’ (NYSE:KR) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายนก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าไตรมาสนี้โครเกอร์จะสามารถทำกำไรได้ $39,560 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.98
ตลอดทั้งปี 2021 หุ้นโครเกอร์สามารถปรับตัวขึ้นมาได้แล้ว 22% ยอดขายของโครเกอร์เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิดกับทางภาครัฐด้วยการให้สาขาของตัวเองเป็นจุดช่วยกระจายวัคซีน ผู้ที่มาจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่โครเกอร์สามารถเข้ารับการฉีดไปในเวลาเดียวกันได้ การรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดที่นับมาจนถึงวันที่ 30 มกราคมพบว่า โครเกอร์มีกำไรอยู่ที่ $132,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่โครเกอร์สามารถเป็นศูนย์กระจายวัคซีนต้านโควิดได้เป็นเพราะภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตของโครเกอร์ทุกสาขาจะมีร้านขายยารวมอยู่ด้วย นายรอดนีย์ แมคมัลเลน CEO ของโครเกอร์ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Wall Street Journal เมื่อเดือนมีนาคมว่า
“โควิดสอนให้มนุษยชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพและความจำเป็นที่ต้องมีร้านขายยากระจายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
นักวิเคราะห์มองว่าการตัดสินใจร่วมมือกับภาครัฐของโครเกอร์ที่เป็นการเดินเกมที่ยอดเยี่ยม ในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ ต้องมาดูกันว่าโครเกอร์จะยังสามารถรักษายอดขายเพราะกลยุทธ์นี้ต่อไปอีกได้หรือไม่ในสภาพแวดล้อมที่วิกฤตโควิดเริ่มคลายตัว