ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (BK:TISCO) กําไร 1Q64 ดีกว่าคาดเล็กน้อย
• กําไร 1064 อยู่ที่ 1,763 ล้านบาท เพิ่ม 8%QoQ และ 199%YoY ดีกว่าคาดเล็กน้อย
• รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอ่อนตัวจากสินเชื่อที่หดตัว และ NIM ที่ลดลง หลังธนาคารเน้นคุมคุณภาพสินเชื่อ ทําให้สินเชื่อรายย่อยลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารอ่อนตัว แต่ได้ผลบวกจากภาวะตลาดทุนที่ ดีขึ้น ทําให้ค่าธรรมเนียมตลาดทุน และกําไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นมาก
• แนวโน้มคุณภาพหนี้ดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ธนาคารยังตั้งสํารองเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อรองรับความเสี่ยง ทําให้ NPL Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 222%%
• คาดปี 64 กําไรฟื้นตัวราว 99%YoY มองธนาคารยังรับมือจากการระบาดของ
COVID-19 ได้จากสํารองส่วนเกินที่มีอยู่สูงมาก
• ปันผลยังสูงจูงใจ โดยจ่ายปันผล 6.3 บาท คิดเป็น Div. Yield ราว 6.4%
• คงราคาเป้าหมาย 106 บาท และคําแนะนํา “ซื้อ”
กําไร 1Q64 ดีกว่าคาดเล็กน้อย
TISCO ประกาศกําไรสุทธิ 1064 ที่ 1,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%QoQ และ 19%YoY ดีกว่าที่ คาดไว้ก่อนหน้าเล็กน้อยราว 4% โดยมีประเด็นสําคัญคือ
1. รายได้ดอกเบี้ยอ่อนตัวลงราว 5%QoQ และ 9%YoY โดยเป็นผลจากสินเชื่อที่หดตัวลงราว 2%QoQ และ NIM อ่อนตัวลง 17bps เนื่องจากสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยลดลง หลังธนาคารยังระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ
2. รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 199%QoQ และ 379%YoY โดยรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารอ่อนตัวลงตามฤดูกาล แต่ค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุนปรับตัวดีขึ้นมากตามภาวะตลาดทุน บวกกับมีการรับรู้กําไรจากการวัตมูลค่าเงินลงทุน
3. สัดส่วน NPL และสินเชื่อ Stags2 ลดลง สะท้อนคุณภาพหนี้ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ในทางกลับกันค่าใช้จ่ายสํารองหนี้เพิ่มขึ้น 4%QoQ ซึ่งเป็นการเพิ่มสํารองส่วนเกินเพื่อรองรับ สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทําให้ NPL Coverage Ratio เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 222% จาก 211%ในไตรมาสก่อน สูงที่สุดในกลุ่มฯ
คาดปี 64 กําไรยังฟื้นตัวแกร่ง
เราคาดกําไรสุทธิปี 2564 จะฟื้นตัวราว 9%YoY แม้ว่าในด้านรายได้หลักทั้งจากรายได้ ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ตอกเบี้ยอาจยังเติบโตได้ไม่ดีนักตามสภาวะเศรษฐกิจที่ยังผันผวน แต่ปัจจัยหนุนหลักจะมาจากค่าใช้จ่ายสํารองหนี้ที่คาดว่าจะลดลงราว 25%YoY (ศาต Credit Cost ลดลงเหลือ 100 bps) แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนจากการระบาดของ COVID-19 รอบ ใหม่ แต่เชื่อว่าธนาคารจะยังบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดี เนื่องจากสัดส่วนลูกหนี้ที่ได้รับ ผลกระทบโดยตรงมีไม่มาก บวกกับธนาคารได้ตั้งสํารองส่วนเกินไว้ค่อนข้างมากใน 2563 และ 1Q64 แล้ว ยังคงแนะนํา “ซื้อ” ปันผลยังจูงใจ
เราคงราคาเป้าหมายปี 2554 ที่ 106 บาท อิง PBV 1.9 เท่า เมื่อบวกกับปันผลจากกําไรปี 2563 อีก 6.3 บาง (XD 29 เม.ย. 64) คิดเป็น Div. Yield อีกราว 6.4% ทําให้ Upside รวมยัง น่าจูงใจ จึงคงคําแนะนํา “ซื้อ”
ความเสี่ยง: แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อ NIM
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities