ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในการเปิดสัปดาห์ที่สามของเดือนเมษายน ขนาดว่ารายงานตัวเลขการจ้างงานและยอคค้าปลีกจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ตลาดก็ยังคงเห็นภาพการเทขายหุ้นและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น คำถามก็คือ “ถึงเวลาที่ต้องเป็นกังวลแล้วหรือไม่”
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนมีความเชื่อมั่นกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมากหลังจากที่ได้เห็นประชาชนชาวอเมริกันมากกว่าครึ่งที่เป็นวัยทำงานได้รับวัคซีนต้านโควิดอย่างน้อยหนึ่งโดส พวกเขาจึงเชื่อว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้นในไตรมาสที่สอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ติดใจนักลงทุนมาโดยตลอดคือการเติบโตของภาวะเงินเฟ้อที่มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ข้อมูลจาก CFTC ระบุว่าการอ่อนค่าของดอลลาร์ในตอนนี้อ่อนลงเร็วที่สุดนับตั้่งแต่เดือนมิถุนายนปี 2018 หมายความว่าสกุลเงินดอลลาร์ยังมีความเปราะบางและเสี่ยงที่จะอ่อนค่าได้ทุกเมื่อซึ่งถือเป็นภาพคนละแบบกับความเร็วในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการกระจายวัคซีน
นอกจากดอลลาร์สหรัฐ สามสกุลเงินที่เราอยากให้นักลงทุนจับตาเป็นพิเศษในสัปดาห์นี้คือยูโร ปอนด์และดอลลาร์แคนาดา เริ่มที่สกุลเงินยูโรกันก่อนเพราะกราฟยูโรเทียบดอลลาร์พึ่งจะสามารถขึ้นยืนเหนือระดับราคา 1.20 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงจะมีการประชุมของธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) ก่อนการรายงานตัวเลขดัชนี PMI ในเดือนเมษายนด้วย ธนาคารบุนเดสของเยอรมันยืนยันแล้วว่าภาคการส่งออกของยูโรโซนในไตรมาสที่หนึ่งนั้นหดตัว และฝรั่งเศสกับสเปนก็มีโอกาสน้อยมากที่จะหลุดรอดจากเหตุการณ์นี้ได้
ดังนั้นตัวเลข PMI ในเดือนเมษายนที่กำลังจะประกาศจึงไม่คิดว่าจะขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้ทำให้ธนาคารกลางค่อนข้างเป็นกังวล พวกเขาหวังว่าจะได้เห็นภาพการกระจายและฉีดวัคซีนในยูโรโซนมากกว่านี้ เราจึงประเมินว่ากว่าจะได้เห็นภาพการกระจายวัคซีนที่เร่งตัวมากขึ้นก็อาจจะต้องรอดูในการประชุมของ ECB ครั้งหน้าในวันที่ 10 มิถุนายนซึ่งห่างจากสัปดาห์นี้ออกไปเจ็ดสัปดาห์ สำหรับการประชุมในวันพฤหัสบดีที่กำลังจะถึงนี้ เราคาดว่า ECB จะยังคงนโยบายการเงินเอาไว้ดังเดิมพร้อมทั้งแสดงความเป็นกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลาดลงทุนน่าจะได้เห็นภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในไตรมาสที่สาม สรุปแล้วกราฟยูโรเทียบดอลลาร์จึงมีแนวต้านที่สำคัญอยู่ที่ 1.2050 และเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน
ถึงกระนั้นตัวเลขทางเศรษฐกิจของแคนาดาถือว่าอยู่ในระดับดีกว่ายูโรโซน การจ้างงานในแคนาดาเพิ่มขึ้น ตลาดซื้อขายที่อยู่อาศัยก็ค่อนข้างคึกคักเช่นเดียวกันกับกิจกรรมในภาคการผลิต จริงอยู่ว่ามาตรการล็อกดาวน์ถือเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาดี จึงทำให้ BoC น่าจะมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า ECB ที่สำคัญการที่แคนาดามีชายแดนอยู่ติดกับสหรัฐอเมริกาทำให้พวกเขาได้รับอิทธิพลการฟื้นตัวมาจากประเทศเพื่อนบ้านไม่มากก็น้อย