หลังจากเปิดตลาดอย่างสดใสเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดล่าสุดของตัวเอง ดัชนีหลักๆ อย่างดาวโจนส์ เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กปรับตัวลดลงในขณะที่ราชาสกุลเงินดิจิทัลสามารถขึ้นยืนเหนือ $50,000 ได้สำเร็จ ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ จุดสูงสุดตลอดกาลของบิทคอยน์มีราคาอยู่ที่ $51,717 สวนทางกับราคาทองคำที่ยังไม่สามารถกลับขึ้นมายืนเหนือ $1,800 ได้
แม้ว่าในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาหุ้นฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ จะวิ่งผันผวนอยู่ใกล้กับจุดปิดของราคาเมื่อวันอังคาร มีเพียงดัชนีรัสเซล 2000 ที่ปรับตัวลดลงมากที่สุด 0.4% หุ้นที่มาแรงที่สุดในตอนนี้คือหุ้นภายในประเทศท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของนักลงทุนในการซื้อขายหุ้นกลุ่มวัฐจักร
กราฟดัชนีรัสเซลรายชั่วโมงปรับตัวลดลงหลังจากกราฟสร้างรูปแบบสองยอด (Double-top) แต่ถึงกระนั้น อินดิเคเตอร์ RSI กลับวิ่งอยู่ในโซน oversold แล้ว มีโอกาสที่ราคาจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น
กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีแม้จะปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่แนวโน้มใหญ่ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตามความเชื่อที่ว่าอัตราเงินเฟ้อมาแน่
แม้ว่ากราฟจะปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดของเมื่อวานนี้ แต่ดูเหมือนว่าราคาจะลงมาเจอกับแนวรับแรกที่เส้นขอบบนของกรอบราคาขาขึ้น นอกจากกราฟผลตอบแทนฯ อายุ 10 ปีจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง กราฟยังมีแนวรับรออยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันและเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน แต่สิ่งที่ต้องระวังคือขาลงจากอินดิเคเตอร์ RSI ที่ขึนมาแตะ overbought 77 ก่อนหน้านี้และแตะ 75 ครั้งล่าสุด
คำถามก็คือว่าพฤติกรรมราคาเหล่านี้ส่งสัญญาณว่าตลาดขาขึ้นอยากพักตัวแล้วหรือไม่?
นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปมองว่าหากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงตอนนี้ 10% สามารถเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและสบายมาก ในขณะที่ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปเริ่มส่งสัญญาณขาลงมาแล้วสองวันติดต่อกัน ขาลงที่เกิดขึ้นในยุโรปตอนนี้เกิดจากการหดตัวของวงการค้าปลีกที่สวนทางกับรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนที่เติบโตขึ้น
จากการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค ตอนนี้กราฟดัชนี STOXX 600 กำลังฟอร์มตัวอยู่ในรูปแบบลิ่มลู่ขึ้น (Rising Wedge) ซึ่งตามตำราแล้วรูปแบบนี้มักจะจบลงด้วยการปรับตัวลงอย่างรุนแรงของราคา นอกจากนี้แล้ว อินดิเคเตอร์ RSI กำลังแสดงรูปแบบที่ขัดแย้งกันกับราคาหรือที่ภาษานักลงทุนเรียกกันว่า “ไดเวอร์เจนต์ (Divergence)” ยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ให้กับขาลงของดัชนีมากขึ้น
ในขณะที่ดัชนีหลักของยุโรปกำลังทำท่าว่าจะปรับตัวลดลง แต่หุ้นบางตัวของยุโรปกลับสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างน่าประหลาดใจ ยกตัวอย่างเช่นหุ้นของบริษัทผู้ผลิตเสื้อโค้ชสัญชาติเนเธอร์แลนด์ Akzo Nobel (AS:AKZO) ดีดตัวขึ้นทันทีหลังจากทราบว่ารายงานผลประกอบการสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้บริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนคิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านยูโรพร้อมทั้งปรับขึ้นเงินปันผลของบริษัทด้วย
นอกจากบริษัท Akzo Nobel แล้วหุ้นของบริษัทขุดแร่ยักษ์ใหญ่อย่าง Rio Tinto (LON:RIO) ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกันหลังจากรายงานผลประกอบการรายปีเพิ่มขึ้น 20% แสดงให้เห็นถึงความต้องการแร่โลหะที่เพิ่มมากขึ้น
กราฟดัชนี ดอลลาร์สหรัฐเปิดแก๊บขึ้นแต่ยังคงไม่ผ่านแนวต้านที่เส้น neckline แม้ว่าจะมีแรงผลักดันขาขึ้นมาจากรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ในขณะที่กำลังเขียนบทความอยู่ กราฟสามารถปรับตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือรูปแบบลิ่มลู่ลงที่ลากมาตั้งแต่จุดสูงสุดเดือนมีนาคมได้อีกครั้ง
ราคาทองคำยังคงอ่อนค่าจากการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ
ตอนนี้กราฟราคาทองคำได้มุ่งหน้าลงสู่จุดต่ำสุดของราคานับตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน การที่ราคาทองคำสามารถวิ่งกลับเข้ามาอยู่ในกรอบขาลงใหญ่ได้อีกครั้งดับฝันขาขึ้นที่ต้องการให้ราคากลับขึ้นไปอยู่ในกรอบรูปธงขาขึ้น
จากขาลงของทองคำในขณะที่ความกังวลเงินเฟ้อเริ่มก่อตัวขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนเริ่มคิดแล้วว่านักลงทุนยุคนี้กำลังหันมาใช้บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์คานความเสี่ยงแทนทองคำ หากคิดเช่นนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่าทำไมบิทคอยน์ถึงสามารถขึ้นยืนเหนือ $51,000 ได้ทั้งๆ ที่นักวิเคราะห์ทั่วโลกออกโรงเตือนอย่างหนัก
แน่นอนว่าขาขึ้นของบิทคอยน์ในตอนนี้ไม่มีอินดิเคเตอร์ตัวไหนเห็นด้วยทั้งนั้น RSI ยังคงสร้างไดเวอร์เจนต์ที่เตือนนักลงทุนว่าราคาบิทคอยน์อาจปรับตัวลดลงมาเมื่อไหร่ก็ได้
ปิดท้ายด้วยราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ยังคงยืนเหนือ $60 ต่อบาร์เรลจากเหตุการณ์พายุหิมะในรัฐเท็กซัสในขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลง
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
- รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังและรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
- รายงานผลประกอบการของบริษัทวอลล์มาร์ท (NYSE:WMT) จอห์น เดียร์ (NYSE:DE) ในวันพรุ่งนี้และเนสเลย์ (OTC:NSRGY) ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์
สรุปความเคลื่อนไหวในตลาด
ตลาดหุ้น
- ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลง 0.1%
- ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลดลง 0.5%
- ดัชนีMSCI เอเชียแปซิฟิกปรับตัวขึ้น 0.1%
- ดัชนีMSCI ของตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้น 0.4%
ตลาดสกุลเงิน
- ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น 0.3% ขึ้นมายัง 90.78
- กราฟสกุลเงินยูโรเทียบดอลลาร์ปรับตัวลดลง 0.2% ลงมายัง 1.2081
- กราฟสกุลเงินปอนด์เทียบดอลลาร์ปรับตัวลดลง 0.1% ลงมายัง 1.3889
- กราฟสกุลเงินดอลลาร์เทียบหยวนปรับตัวลดลง 0.4% ลงมายัง 6.458
- กราฟสกุลเงินดอลลาร์เทียบเยนปรับตัวขึ้น 0.1% ขึ้นมายัง 105.97
ตลาดบอนด์
- กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลดลง 2 จุดเบสิสลงมายัง 1.30%
- กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีปรับตัวลดลงน้อยกว่า 1 จุดเบสิสลงมายัง 0.12%
- กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงน้อยกว่า 1 จุดเบสิสลงมายัง -0.34%
- กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักรอายุ 10 ปีปรับตัวลดลง 1 จุดเบสิสลงมายัง 0.614%
- กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้น 1 จุดเบสิสขึ้นมายัง 0.099%
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
- กราฟน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 0.5% ขึ้นมายัง $60.38 ต่อบาร์เรล
- กราฟน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 0.7% ขึ้นมายัง $63.81 ต่อบาร์เรล
- ราคาทองคำปรับตัวลดลง 0.5% ลงมายัง $1,784.91 ต่อออนซ์