🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

2 กองทุน ETF ที่คาดว่าจะมีการเติบโตและควรมีไว้ในพอร์ตระยะยาว

เผยแพร่ 11/02/2564 17:58
CSCO
-
BB
-
PANW
-
PYPL
-
HACK
-
SQ
-
SNAP
-
MILN
-
SPOT
-
UBER
-
NET
-
SUMO
-

หุ้นที่มีการเติบโตถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะหุ้นเหล่านี้สามารถมอบผลตอบแทนกลับคืนมาได้รวดเร็วกว่าหุ้นในกลุ่มอื่นๆ โดยปกติแล้ว เราจะพบหุ้นประเภทนี้ได้ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกิดใหม่อย่างเช่นเทคโนโลยีซึ่งถูกพูดถึงอยู่ตลอดและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงวิกฤตโรคระบาด หากจะเปรียบว่าหุ้นที่มีความสามารถในการเติบโตเหมือนวัยรุ่นที่กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ ก็คงจะไม่ผิดนัก

ทุกวันนี้เรามีบริษัทเทคโนโลยีมากมายและมีกองทุน ETF เยอะแยะที่ถือหุ้นประเภทนี้อยู่ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงสองกองทุนผู้ถือหุ้นเทคโนโลยีที่มีอัตราการเติบโตน่าสนใจ

1. ETFMG Prime Cyber Security ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $62.84
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์ล่าสุด: $29.02 - $64.36
- อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล:1.03%
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมของกองทุน: 0.60% ต่อปี

กองทุน ETF นาม ETFMG Prime Cyber Security (NYSE:HACK) คือกองทุนที่ลงทุนในบริษัทผู้ให้บริการความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์อย่างเช่นบริษัทที่ให้โซลูชั่นและบริการทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการต่อต้านการล้วงข้อมูลบนโลกไซเบอร์ ปัจจุบันกองทุน HACK ลงทุนในบริษัทประเภทนี้ของสหรัฐฯ ประมาณ 76.4% ในอิสราเอล 7.3% สหราชอาณาจักร 3.9% ญี่ปุ่น 3.6% และแคนาดา 3.5%HACK Weekly

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการทำงานมาอยู่บนโลกไซเบอร์มากขึ้นซึ่งหมายความว่าเปอร์เซ็นต์ของการก่ออาชญากรรมบนโลกไซเบอร์ การฉ้อโกงและความพยายามล้วงข้อมูลอย่างไม่ชอบธรรมก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้นตาม มีข้อมูลจากสำนักงานที่เชื่อถือได้ระบุว่าในปี 2020 ตลาดของผู้ทำระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์มีมูลค่ารวมแล้ว $156,240 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเป็น $352,250 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2026 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์การเติบโตรายปีอยู่ที่ 14.5%

นอกจากบริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ ฮาร์ตแวร์ต่อต้านการทุจริตบนโลกไซเบอร์แล้ว กองทุน HACK ยังได้ซื้อหุ้นกลุ่มอื่นที่มีความใกล้เคียงกันสะสมเอาไว้ด้วย นอกจากหุ้นของบริษัทระบบซอฟต์แวร์ที่มีสัดส่วน 57.8% แล้ว ยังมีหุ้นของบริษัทที่ให้บริการปรึกษาและให้ข้อมูลด้านเทคโนโลยี 10.8% แอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ 9.1% อุปกรณ์เพื่อการสื่อสาร (8.6%) อุตสาหกรรมอากาศยานและการป้องกันประเทศ (5.1%) 

บริษัทชั้นนำที่กองทุน HACK ซื้อหุ้นเอาไว้ได้แก่ BlackBerry (NYSE:BB) Cisco (NASDAQ:CSCO) Palo Alto Networks (NYSE:PANW) Sumo Logic (NASDAQ:SUMO), และ Cloudflare (NYSE:NET) ในปี 2020 ที่ผ่านมา กองทุน HACK เติบโตขึ้นมากกว่า 40% พึ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนและกำลังอยู่ในช่วงพักฐาน กราฟของกองทุน HACK มีโอกาสปรับตัวลดลงมาที่ $60 และ $57.5 เปิดโอกาสให้กับผู้ที่สนใจเข้ามาถือครองหุ้นของกองทุน

2. Global X Millennials Thematic ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $41.11
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์ล่าสุด: $16.61 - $41.29
- อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล:0.28%
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมของกองทุน: 0.50% ต่อปี

กองทุน ETF ตัวนี้น่าจะเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์ผู้คนยุคมิลเลเนียล (คนที่เกิดในระหว่างปี 1981 - 2000) กองทุน Global X Millennials Thematic (NASDAQ:MILN) เป็นกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่เน้นแสวงหาผลกำไรจากคนยุคมิลเลเนียล หุ้นที่กองทุนนี้ถืออยู่กระจายอยู่ในหุ้นหลายประเภทเช่นหุ้นของบริษัทที่เก็บสถิติโดยอ้างอิงข้อมูลจากความรู้ด้านประชากรศาสตร์และข้อมูลพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค MILN Weekly

ข้อมูลจากสถาบันเทคโนโลยีแอตแลนต้า จอร์เจียเมื่อไม่นานมานี้เปิดเผยว่า

“ในปี 2015 ประชากรยุคมิลเลเนียลกลายเป็นกลุ่มคนที่มีประชากรเยอะที่สุดในสหรัฐอเมริกา จึงไม่แปลกใจที่เราจะได้เห็นการจับจ่ายใช้สอยของคนยุคนี้เพิ่มขึ้นในยุคปัจจุบันเพราะตอนนี้คนยุคมิลเลนเนียลกำลังอยู่ในวัยแรงงาน สิ่งที่คนยุคมิลเลนเนียลชอบใช้เงินมากที่สุดคือของที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ การเดินทางท่องเที่ยง การเลือกที่อยู่อาศัย ที่สำคัญคนยุคนี้ยังเป็นผู้ที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อีกด้วย”

กองทุน MILN เริ่มเปิดให้มีการซื้อขายผ่านกองทุนได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2016 มีมูลค่าตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น $158 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันกองทุนนี้ได้ถือหุ้นบริษัทชื่อดังมากถึง 81 บริษัทซึ่งส่วนใหญ่แล้วต่างเป็นหุ้นที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีได้แก่ Square (NYSE:SQ) PayPal (NASDAQ:PYPL) Snap (NYSE:SNAP) Uber Technologies (NYSE:UBER) และ Spotify (NYSE:SPOT) หุ้นเหล่านี้สร้างกำไรโดยเฉลี่ยให้กับกองทุน MILN ประมาณ 20%

กองทุน MILN ได้มอบผลตอบแทนคืนให้แก่นักลงทุนแล้ว 51% ภายในระยะเวลา 12 เดือนล่าสุด พึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ แม้ว่าราคาหุ้นจะมีการปรับตัวลดลงมาเพราะนักลงทุนบางส่วนปิดทำกำไรในระยะสั้น แต่หากคุณเป็นคนที่เชื่อในพลังการบริโภคของคนยุคมิลเลนเนียลแล้ว คุณไม่ควรมองข้ามกองทุนตัวนี้โดยเด็ดขาด

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย