🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

ข่าวดีเงินเยียวยาจะช่วยพาตลาดหุ้นและน้ำมันดิบขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ได้หรือไม่

เผยแพร่ 08/02/2564 12:09
NDX
-
XAU/USD
-
US500
-
DJI
-
US2000
-
DX
-
GC
-
CL
-
GME
-
IXIC
-
US2YT=X
-
US5YT=X
-
US10YT=X
-
US30YT=X
-
BTC/USD
-
PINS
-
US2US10=RR
-
PTON
-

แม้ว่ารายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของเดือนมกราคมเมื่อวันศุกร์ที่แล้วจะเติบโตได้น้อยกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่ดัชนีหลักของสหรัฐฯ อย่างดาวโจนส์ เอสแอนด์พี 500 แนสแด็กและรัสเซล 2000 กลับสามารถปิดบวกส่งท้ายสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ได้ ดัชนีรัสเซลสามารถทำราคาปิดสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2020 ในขณะที่เอสแอนด์พี 500 ทำผลงานขาขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

การที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรไม่สามารถเติบโตได้ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ยิ่งเป็นการตอดย้ำให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาขนาดไหน การที่ดัชนีหลักของประเทศเติบโตได้ดีสวนทางกับตัวเลขการจ้างงานแบบนี้หมายความว่าเงินที่หนุนตลาดขาขึ้นในปัจจุบันอาจนำไปสู่ความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสวนทางกับมูลค่าของดอลลาร์สหรัฐ

การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ของเดือนมกราคมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากลายเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดการณ์สองครั้งติดต่อกัน ก่อนหน้านี้ตัวเลขการจ้างงานในเดือนธันวาคมลดลง 227,000 ตำแหน่งและในเดือนมกราคมที่พึ่งรายงานไปพบว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 49,000 ตำแหน่งพลาดตัวเลขคาดการณ์ 50,000 ตำแหน่งไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากที่ได้ทราบตัวเลขดังกล่าวแล้ว โจ ไบเดนประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐฯ ได้อาศัยโอกาสนี้กล่าวเร่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวางนโยบายว่า

“ไม่แน่ว่าสิ่งที่พวกเรากำลังดำเนินการกันอยู่อาจน้อยเกินไปก็ได้”

ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่าโจ ไบเดนต้องการพลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างมากไม่ว่าพรรครีพับลิกันจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม จากคำพูดนี้ทำให้เราประเมินว่าตลาดลงทุนอาจได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาในเร็วๆ นี้ และจะเป็นนโยบายที่สอดคล้องไปกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ การแจกจ่ายวัคซีนและเร่งความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนชาวอเมริกันซึ่งคิดเป็น 70% ของ GDP ประเทศ

ถึงตัวเลขการจ้างงานฯ จะออกมาน่าผิดหวัง แต่ดัชนีหลักที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้รวมถึงแนสแด็ก 100 กลับสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้หมดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดด้วยการปรับตัวขึ้น 1.3% ห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 20 มกราคมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นSPX Daily

แม้ดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะปรับตัวขึ้นต่อจริง แต่ก็มีราคาปิดปรับตัวลดลง ที่น่าจับตามองมากกว่านั้นคืออินดิเคเตอร์อย่าง MACD และ RSI ต่างเริ่มวิ่งไปในทิศทางที่แตกต่างกับราคาปัจจุบันแล้ว หรือที่ในวงการเรียกปรากฎการณ์นี้ว่า “ไดเวอร์เจนต์ (Divergence)”

หุ้น GameStop (NYSE:GME) ที่เป็นสมรภูมิสงครามระหว่างนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยปรับตัวขึ้น 19.2% เมื่อวันศุกร์หลังจากแอปพลิเคชันการลงทุนชื่อดังโรบินฮู้ด (Robinhood) นำมาตรการบังคับการซื้อหุ้นออก แต่เมื่อเทียบกับขาลงที่ลงมาจากจุดสูงสุด $325 เหลือ $261 นั้น การปรับขึ้น 19.2% แทบไม่ได้แสดงการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เชื่อได้ว่านักลงทุนรายย่อยจะกลับมามีกำลังได้อีก

หุ้น Pinterest (NYSE:PINS) กระโดดขึ้น 5.3% แตะจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลเพราะตัวเลขรายงานผลประกอบการสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ที่ $645.66 ล้านเหรียญสหรัฐไปได้ กำไรที่แอปพลิเคชันปักหมุดไอเดียสามารถทำได้ในครั้งนี้คือ $705.62 ล้านเหรียญสหรัฐ 

ตรงกันข้ามกับหุ้น Pinterest หุ้นบริษัทผู้ประกอบกิจการให้เช่าเครื่องออกกำลังกายอย่าง Peloton (NASDAQ:PTON) กลับปรับตัวลดลง 5.9% หลังจากทางบริษัทประกาศว่ากำลังประสบปัญหาไม่สามารถจัดหาอุปกรณ์ออกกำลังกายมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้ นี่คือการส่งสัญญาณเตือนว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ที่พึ่งผ่านไปอาจหดตัวในการรายงานตัวเลขรอบหน้าPTON Daily

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเห็นว่าหุ้น Peloton กำลังสร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) โดยมีแนวรับอยู่ที่ 139.75 จุดซึ่งเป็นแนวรับที่เกิดจากจุดสูงสุดของวันที่ 16 ตุลาคม หากราคาสามารถวิ่งลงมาจนหลุดแนวรับนี้ได้ เราอาจได้เห็นราคาร่วงลงไปถึง 120 จุด

ค่าส่วนต่างระหว่างกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีกับกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีได้มีการขยายตัวออกอย่างมีนัยสำคัญเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนับตั้งแต่ปี 2017 นอกจากคู่ 2 ปีและ 10 ปีแล้ว เรายังพบว่ากราฟผลตอบแทนฯ อายุ 5 ปีและ 30 ปีก็ห่างกันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 UST 10:2 Daily Spread

โดยปกติแล้วกราฟผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อนักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ จะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่การเพิ่มขึ้นของกราฟผลตอบแทนฯ ในอีกทางหนึ่งหมายความว่าอัตราเงินเฟ้อก็กำลังเพิ่มขึ้นด้วย จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดทำให้นักลงทุนตัดสินใจฝากเงินเอาไว้กับกราฟผลตอบแทนฯ ที่มีอายุน้อยกว่าจนกว่าพวกเขาจะได้เห็นกราฟผลตอบแทนระยะยาวที่มีเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนมากกว่านี้

ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมโดยการอ่อนค่าครั้งนี้ปรับตัวลดลงมา 0.5%DXY Daily

นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่าการอ่อนค่าลงมาครั้งนี้เกิดจากการปิดคำสั่งซื้อขายเมื่อทำกำไรหลังจากที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง การปรับตัวลดลงมาครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่ยังขึ้นไปไม่ถึงเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ถึงกระนั้นแนวรับของกราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐก็ถือว่าแข็งแกร่ง เพราะตอนนี้ราคามีแนวรับที่เกิดจากเส้นเทรนด์ไลน์ขาลงและเส้น neckline ของรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) หากแนวรับทั้งสองสามารถพยุงราคาเอาไว้ได้ กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสขึ้นไปถึง 92.00 จุดและ 95.00 จุดตามลำดับ

การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น แต่เมื่อเทียบกับขาลงในวันพฤหัสบดีแล้ว ขาขึ้นครั้งนี้หากจะเรียกว่าเป็นเพียงการย่อขึ้นมาเล็กน้อยก็ไม่ผิดนักGold Daily

ขาลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วได้ปรับตัวลดลงลงต่ำกว่าจุดต่ำสุดของรูปแบบธงเมื่อวันที่ 19 มกราคม นอกจากนี้ อินดิเคเตอร์ MACD ก็ได้ส่งสัญญาณการปรับตัวลงต่อออกมาแล้ว สัญญาณทั้งหมดนี้ยังไม่มีอะไรบ่งบอกว่าขาขึ้นที่ดีดกลับขึ้นมานั้นจะสามารถกลายเป็นขาขึ้นที่ดีได้ในระยะสั้น

ราชาสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นอีก 16.6% จนสามารถกลับขึ้นมาแตะ $40,000 ได้อีกครั้ง มีราคาปิดห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 8 มกราคมเพียง 1.1% เท่านั้นในขณะกำลังเขียนบทความอยู่ แม้จะปรับตัวกลับลงมาวิ่งอยู่ต่ำกว่า $40,000 แต่ขาขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยที่หนีมาจากการร่วงลงของหุ้นเกมสต๊อป การเข้าถือบิทคอยน์เป็นการชั่วคราวเพราะไม่รู้ว่าจะนำเงินไปลงกับสินทรัพย์ตัวไหนนั้นทำให้กราฟราคาบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้น

BTC/USD Daily

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เราเชื่อว่ากราฟบิทคอยน์กำลังมุ่งหน้าขึ้นสู่ $50,000 เพราะเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นได้ตัดเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวในอินดิเคเตอร์ MACD ขึ้นเรียบร้อย ส่วน RSI ก็ยังแสดงให้เห็นว่ามีพื้นที่ให้สามารถปรับตัวกลับขึ้นไปได้อีกมากเมื่อเทียบกับยอดก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอีก 1.5% เมื่อวันศุกร์ที่แล้วทำให้ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมับดิบได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 8.9% ขาขึ้นครั้งนี้นับเป็นขาขึ้นที่มากที่สุดตั้งแต่เดือนตุลาคม สาเหตุที่ราคาน้ำมันสามารถขึ้นมาได้ขนาดนี้เป็นเพราะความหวังที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ การกระจายวัคซีนที่ยังคงเดินหน้าต่อไปและการลดกำลังการผลิตน้ำมันจากกลุ่ม OPEC+Oil Daily

จากการทะลุกรอบราคาไซด์เวย์ของราคาครั้งนี้ทำให้เราเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปยัง $60 ต่อบาร์เรลได้ ปัจจัยที่สนับสนุนขาขึ้นของตลาดน้ำมันดิบมีความคล้ายคลึงกับปัจจุยหนุนราคาตลาดหุ้นซึ่งก็คือความเชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ในความเห็นของเราแล้วโลกคงไม่สามารถกลับไปเป็นอย่างเดิมได้โดยเร็วตราบใดที่เรายังเห็นการอัดเงินเข้าระบบเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นจำนวนมากขนาดนี้

ข่าวเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดถูกคำนวณเป็น EST)

วันอังคาร

07:00 (สหรัฐฯ) รายงานภาพรวมตลาดพลังงานระยะสั้นจาก EIA

10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนงานที่เปิดรับสมัครจาก JOLT: คาดว่าจะลดลงจาก 6.52M เป็น 6.400M

 

วันพุธ

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน: คาดว่าเพิ่มขึ้นจาก 0.1% เป็น 0.2%

10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: คาดว่าจะลดลงจาก -0.994M เป็น -2.808M

 

วันพฤหัสบดี

07:00 (สหรัฐฯ) รายงานประจำเดือนจากกลุ่ม OPEC

08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าจะลดลงจาก 779K เป็น 750K

11:00 (สหรัฐฯ) รายงานนโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

วันศุกร์

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลข GDP: คาดว่าตัวเลขแบบ YoY จะเพิ่มขึ้นจาก -8.5% เป็น -8.1% และตัวเลขแบบ QoQ จะลดลงจาก 16.0% เป็น 0.5%

02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม: คาดว่าจะคงที่อยู่ที่ 0.7%

05:30 (รัสเซีย) ผลการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรัสเซีย: คาดว่าจะคงที่อยู่ที่ 4.25%

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย