สกุลเงินยังสามารถแข็งค่าได้ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันเมื่อเทียบสกุลเงินหลักตัวอื่นๆ ในตลาด แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) จะลดลงเป็นอย่างมาก แต่นักลงทุนก็ไม่ได้สนใจมากเท่ากับตัวเลขในภาคการผลิต บริการและจำนวนค่าข้างในเดือนที่แล้วที่เพิ่มขึ้นซึ่งช่วยหนุนความต้องการสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้กราฟก็สามารถปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020 ด้วย ปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้กำลังบอกกับพวกเราว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่ามาตรการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะช่วยทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
จากสถานการณ์นี้ทำให้นักลงทุนต่างพากันกลับมาถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองปลอดภัยกันมากขึ้นและเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกไปบ้างอย่างเช่นการลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้ตอนนี้หุ้นหลักๆ ในสหรัฐฯ ได้โอกาสปรับฐานลดความร้อนแรงลงบ้างตามธรรมชาติของการลงทุน เมื่อตัวเลขค่าจ้างเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงต้องการดูว่าตัวเลขยอดขายปลีกที่จะประกาศในวันศุกร์นี้จะปรับขึ้นสอดคล้องกันด้วยหรือไม่ ราคาก๊าซธรรมชาติและยอดขายในร้านสะดวกซื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้ตลาดเชื่อว่าตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยในช่วงสิ้นปีนั้นจะยังสามารถพึ่งพาได้อยู่ หากตัวเลขดังกล่าวออกมาดีจะยิ่งหนุนให้ดอลลาร์แข็งค่า
สกุลเงินที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดเมื่อวานนี้คือและเพราะนักลงทุนต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้วยการหันไปถือดอลลาร์สหรัฐแม้ว่าตัวเลขยอดขายปลีกและอัตราเงินเฟ้อของออสเตรเลียจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศจีนก็ดูเหมือนว่าจะขึ้นเร็วมากกว่าที่คาดการณ์ทำให้นักลงทุนบางส่วนมองว่านี่คือความเสี่ยง สกุลเงินอ่อนค่าลงตามราคาและตัวเลขดัชนี PMI จากสถาบัน IVEY กับรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ลดลง ในสัปดาห์นี้ไม่มีข่าวสำคัญสำหรับประเทศที่สกุลเงินพึ่งพาอยู่กับการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นความเสี่ยงในการลงทุนกับสกุลเงินเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับทิศทางของข่าวในสหรัฐอเมริกาและดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินและยังคงถูกเทขายต่อเนื่องเพราะมีมาตรการคุมเข้มโควิดใหม่เพิ่มเติมที่ออกมาในประเทศเยอรมันและสหราชอาณาจักร การควบคุมจะยิ่งเข้มข้นขึ้นใน 16 รัฐใหญ่ของเยอรมันโดยเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวาน มาตรการนี้ไม่อนุญาตให้พบปะกันได้เป็นการส่วนตัว คุมเข้มการเดินทางภายในประเทศ สำหรับคนที่มาจากพื้นที่ความเสี่ยงสูง จะต้องมีใบรับรองแพทย์มากกว่าสองแห่งเพื่อยืนยันว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 ร้านอาหาร บาร์ พื้นที่สำหรับกิจกรรมสันทนาการยังคงต้องงดให้บริการต่อไปและอาจจะเปิดได้เร็วที่สุดคือสิ้นเดือนมกราคมขึ้นอยู่กับสถานการณ์โดยรวม
เมื่อเทียบกับฝรั่งเศสและสเปนแล้ว สถานการณ์ที่อังกฤษยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต ล่าสุดหมอใหญ่ของประเทศได้ออกมาเตือนว่าสถานการณ์ในอีกช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจะเป็นจุดที่แย่ที่สุดที่ประเทศเคยเจอมากับการแพร่ระบาด ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้ติดเชื้อมากกว่า 30,000 คนยังคงได้รับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ดูเหมือนว่ายิ่งสหราชอาณาจักรพยายามคุมเข้มมากเท่าไหร่ สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่ลงมากเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่าต้องกระทบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้