นักลงทุนเปิดคริสตศักราชใหม่ด้วยขาขึ้นของทองคำทันทีในวันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 2.3% สร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือ $1,920 ต่อออนซ์ได้ การอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องของดอลลาร์สหรัฐทำให้ราคาทองคำสามารถวิ่งออกมานอกกรอบราคาขาลงที่เป็นตัวกำหนดทิศทางของทองคำมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมปีที่แล้วได้สำเร็จ
แต่ไหนแต่ไรทองคำและดอลลาร์สหรัฐถือเป็นคู่ปรับขั้วตรงข้ามกัน ยามใดที่เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง ผู้คนจะให้ความนับถือแก่ดอลลาร์และละทิ้งทองคำ แต่หากเมื่อใดที่เศรษฐกิจมีปัญหา นักลงทุนก็จะไม่ลังเลที่จะวิ่งเข้าหาทองคำเลย ในครั้งนี้ดอลลาร์อ่อนมูลค่าลงเพราะการอัดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่รวมกันแล้วตอนนี้มีมูลค่าเกิน $4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐไปเรียบร้อยแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ดอลลาร์หมดความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนคือผลตอบแทนจากการถือครองดอลลาร์นั้นลดลงซึ่งเป็นผลสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ตอนนี้อัตราผลตอบแทนมีตัวเลขอยู่ที่ -1.092% หรือเท่ากับระดับต่ำสุดเดียวกันกับของปีที่แล้ว
จากรูปจะเห็นว่าราคาทองคำได้สร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) เสร็จตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ทำให้นักลงทุนขาขึ้นเห็นสัญญาณเรียกรวมพลและพากันถือครองทองคำจนสามารถมีราคาเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ นับตั้งแต่นั้น ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว ฝั่งขาขึ้นสามารถหลบสายตาของฝั่งขาลงได้อย่างแนบเนียน พวกเขาค่อยๆ พาทองคำกลับขึ้นมาอย่างช้าๆ เพื่อเลี่ยงการถูกตบให้กลับลงไป ก่อนที่จะมาวางทองคำอยู่บริเวณส่วนบนของกรอบราคาขาลงตั้งแต่ก่อนปีใหม่ เพื่อรอฤกษ์ดีสำหรับการส่งสัญญาณเปลี่ยนแนวโน้ม
การทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันของทองคำรอบนี้สามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น ที่สำคัญราคาสามารถวิ่งกลับลงมาย่อและปรับตัวกลับขึ้นไปตามทฤษฎีการลงทุนมาตรฐานได้อีกด้วย เมื่อพิจารณาจากอินดิเคเตอร์หลักอย่าง MACD และ RSI จะเห็นว่าทั้งคู่ส่งสัญญาณพร้อมที่จะกลับขึ้นมาเป็นขาขึ้นเต็มตัว MACD สามารถทะลุเส้น 0 กลับขึ้นมาได้แล้ว เช่นเดียวกับการตัดเส้นเทรนไลน์แนวนอนขึ้นมาของอินดิเคเตอร์ RSI
เมื่อได้พิจารณาราคาทองคำจากภาพใหญ่อย่างกราฟรายสัปดาห์ จะยิ่งเห็นความสอดคล้องของแนวโน้มขาขึ้นครั้งนี้มากขึ้น
การวิ่งลงมาของราคาทองคำนับตั้งแต่สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ กลายเป็นว่าคือการย่อของขาขึ้นใหญ่ทันทีเมื่อได้เห็นราคากำลังดีดตัวกลับขึ้นมาจากเส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าฝั่งแนวโน้มขาขึ้นจะสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือจุดสูงสุดของวันที่ 9 พฤศจิกายนได้เพื่อเป็นการยืนยันขาขึ้นในระยะกลาง จากนั้นก็จะรอให้ราคาวิ่งกลับลงมายืนยันที่บริเวณแนวรับของรูปแบบหัวไหล่ ที่เส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอให้ราคาทองคำสามารถทะลุจุดสูงสุดของเดือนพฤศจิกายนด้วยเช่นกัน และรอการย่อกลับลงไปยังระดับราคา $1,900
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งซื้อทันที การทะลุกรอบขาลงขึ้นมานั้นเพียงพอที่จะยืนยันแรงซื้อจากฝั่งขาขึ้นแล้ว ที่สำคัญนักลงทุนกลุ่มนี้ต้องการกำไรตั้งแต่การวิ่งขึ้นไปหาจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน แต่หากต้องการจะเสี่ยงเก็บกำไรในระยะสั้น เราแนะนำว่าให้รอราคาขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายนก่อน จากนั้นจึงวางคำสั่งขายในระยะสั้นลงมาเพื่อกินกำไรในจังหวะย่อ
ตัวอย่างการเทรด (ฝั่งขาลง)
- จุดเข้า: $1,960
- Stop-Loss: $1,966
- ความเสี่ยง: $6
- เป้าหมายในการทำกำไร:$1,900
- ผลตอบแทน: $60
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:10
ตัวอย่างการเทรด (ฝั่งขาขึ้น)
- จุดเข้า: $1,910
- Stop-Loss: $1,900
- ความเสี่ยง: $10
- เป้าหมายในการทำกำไร:$1,960
- ผลตอบแทน: $50
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:5